วันที่ 22 มี.ค.64 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า ตามที่ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช มีหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวที่สภาฯ หลังจากมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งส.ส.นครศรีธรรมราช แทนตำแหน่งที่ว่างไปแล้วนั้น เรื่องนี้เมื่อตรวจสอบข่าวและคลิปต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ย่อมถือได้ว่าข้อมูลตามคำร้องของนายเทพไท เป็นความปรากฎที่ชัดเจน เข้าลักษณะเงื่อนไขตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง ม.22 แล้ว แต่หลังจากที่นายเทพไท ร้องต่อ กกต.มาได้ 10 วันแล้ว ก็ยังไม่ทราบว่าทำไม กกต.ไม่ออกคำสั่งตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง ม.22 ปลดกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐยกชุด
นายเรืองไกร กล่าวว่า เรื่องนี้ตนจึงเห็นว่าเพื่อชี้ช่องและช่วยให้ กกต.เห็นข้อเท็จจริงดังกล่าว ตนจึงจะนำข่าวที่มีคลิปชัดๆ ไปร้องซ้ำเสริมต่อจากนายเทพไท และจะดูว่า กกต.จะรีบดำเนินการหรือไม่อย่างไร
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า เรื่องข้อกฎหมายตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง ม.22 นั้น กกต.ต้องรู้เองอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อมีความปรากฏและมีผู้ร้องแล้ว นายทะเบียน และ กกต.ควรออกคำสั่งปลด กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐยกชุด แต่จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นข่าวจาก กกต.แต่อย่างใด ตนจึงต้องมาร้องซ้ำเติมอีก
นายเรืองไกร กล่าวตามว่า เรื่องนี้มีประเด็นร้องเพิ่มด้วย เพราะการที่นายเทพไท แถลงข่าวเมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่พรรคประชาธิปัตย์นั้น อาจมีปัญหาตามมาด้วย เนื่องจากนายเทพไท ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 1/2564 ให้พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่ 27 ม.ค.64 แล้ว ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย นายเทพไทจึงควรขาดคุณสมบัติจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง ม.24 แล้ว รวมทั้งเคยมีกรณีตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 13/2555 ไว้เป็นบรรทัดฐานแล้ว
แต่การที่นายเทพไท ใช้ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์แถลงข่าว รวมทั้งบอกว่าฝ่ายกฎหมายก็ทราบแล้วนั้น จึงอาจเป็นเหตุให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง ตาม ม.28 หรือไม่ และจะเป็นเหตุให้ถูกยุบพรรคตาม ม.92 หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวสรุปว่า ช่วงเช้าวันที่ 22 มี.ค.ตนได้ส่งหนังสือร้องทางไปรษณีย์ EMS ขอให้ กกต.พิจารณาออกคำสั่งปลด กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ยกชุด และร้องให้ กกต.พิจารณาเพิ่มเติมว่า พรรคประชาธิปัตย์เข้าข่ายจะถูกยุบพรรคตามมาด้วยหรือไม่