นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า...ใครก่อความรุนแรงกันแน่ ?
ความพยายามเคลื่อนม็อบเข้าใกล้พระบรมมหาราชวัง แต่ถูกตำรวจสลายการชุมนุม ด้วยน้ำแรงดันสูง และแก๊ซน้ำตา รวมทั้งกระสุนยาง ม็อบสามนิ้วแตกกระเจิง และก่อความวุ่นวายต่อด้วยการจุดไฟเผาโน่นนี่นั่น
แกนนำม็อบต้องไม่แกล้งโง่นะ พระบรมมหาราชวังชักธงครุฑมหาราช นอกจากนั้น ยังมีพระแก้วมรกต สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง รวมทั้งพระสยามเทวาธิราช สามัญสำนึกไม่มีเลยหรือว่า จะเข้าไปทำไม อยากสื่อสาร อยากกราบบังคมทูลต่อองค์พระประมุข แม้แต่เด็กนักเรียนตัวเล็กๆยังรู้เลย ว่าต้องทำอย่างไร เพราะเคยเขียนจดหมายถึงในหลวงมาแล้ว
ตำรวจไม่ใช่ห้ามชุมนุม แต่พยายามกั้นแนวไม่ให้เข้าใกล้พระบรมมหาราชวัง ตำรวจใช้คอนเทนเนอร์ เพื่อกำหนดแนวห้ามผ่าน หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการปะทะ แต่อย่างที่เห็นม๊อบทำลายแนวคอนเทนเนอร์ และตำรวจประกาศตลอดเวลา ห้ามทำ หากฝ่าฝืนต้องเจอกับมาตรการอะไรบ้าง แต่ม๊อบตัดสินลุย จึงเจอการสลายม๊อบ
เป้าหมายที่ม็อบจะไป นักการเมืองฝ่ายค้านอาจจะยอม เพราะกล่าวหาตำรวจว่าใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ แต่ถามคนไทยทั้งชาติสิ ว่ายอมให้ ม็อบเข้าใกล้วัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังมั้ย ความรุนแรงไม่ใช่ตำรวจเริ่มก่อนแน่นอน คลิปมันฟ้อง เชื่อเถอะ อย่าตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง อย่ายอมตายประชดป่าช้า
ความจริงมีเหรียญสองด้านเสมอ อยู่ที่ใครจะเลือกพูดอะไร ในยุครัฐบาลพลเรือน พันธมิตร และกปปส. ถูกตำรวจปราบปรามรุนแรงกว่านี้ ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ผู้ชุมนุมเจ็บตายจากการสลายม๊อบจำนวนมาก แต่สามนิ้วแค่เจ็บและถูกจับ พ.ศ.นี้ ตำรวจถูกวิจารณ์รุนแรงว่าไม่ใช้ความเด็ดขาดกับม๊อบ ทำงานช้า อ่อนยวบ
ใครต้องใช้ความอดทนในการจัดชุมนุม ไม่ให้เกิดภาพแห่งความรุนแรง ม็อบหรือตำรวจ โดยทั่วไปแกนนำม๊อบต้องคุมมวลชน และหลีกเลี่ยงไม่ให้ใช้ความรุนแรง เพราะตำรวจพร้อมอำนวยความสะดวกอยู่แล้ว แต่เมื่ออ้างว่า ไม่มีแกนนำ ม็อบเลยต้องรุนแรงอย่างนั้นใช่ไหม ต้องการให้เกิดภาพวุ่นวาย เรียกแขกต่างชาติให้เข้ามาแทรกแซงหรืออย่างไร
เชื่อเถอะ การก่อความรุนแรง การก่อการร้ายในเมือง และวาดฝันไปถึงสงครามกลางเมือง ไม่มีใครชนะ แพ้ด้วยกันทั้งสิ้น ชนะบนซากศพ บนกองเศษอิฐ มีแต่นักการเมืองที่เป็นทาสต่างชาติเท่านั้นที่คิดได้
จำไว้เลย ไม่เคยมีแกนนำ ไม่เคยมีนักการเมืองตายเพราะความรุนแรง หนีก่อนใครหมด
ขอขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart