"ภาคเหนือ" ร้อนระอุ! ฝุ่นพิษเพียบ "เชียงราย-แม่ฮ่องสอน-อุบลราชธานี"ค่าเกินมาตรฐานกระทบสุขภาพ "เชียงใหม่"ดาวเทียมพบจุดความร้อน 153 จุด ไฟป่าลุกลามจากจุดเดิม ต้องระดม จนท.และจัดเฮลิคอปเตอร์บินโปรยน้ำ เมื่อวันที่ 21 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) รายงานข้อมูลภาพจากดาวเทียมฮิมาวาริ (Himawari) และดาวเทียมอื่นๆ ของระบบการติดตามปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยช่วงเวลา 11.00 น. พบคุณภาพอากาศในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (สีแดง) บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ โดยจังหวัดที่พบค่า AQI เกินร้อย ได้แก่ จังหวัด เชียงราย ค่าAQI 202 และ แม่ฮ่องสอน ค่าAQI 123 อุบลราชธานี AQI 118 นอกจากนี้พบคุณภาพอากาศที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) สลับกับคุณภาพอากาศปานกลาง (สีเหลือง) กระจายอยู่ทั่วทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ ขณะเดียวกันพบคุณภาพอากาศดี (สีเขียว-ฟ้า) ในบางพื้นที่ของภาคกลาง ภาคตะวันออก ทั้งนี้ GISTDA จะติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานหลักและที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่ รวมทั้งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามสถานการณ์ PM2.5 อย่างดีที่สุด เพื่อให้ทุกท่านรับทราบข้อมูลอย่างทันท่วงที ส่วนสถานการณ์ฝุ่นควันไฟป่าและคุณภาพอากาศของ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ยังคงเกินค่ามาตรฐานต่อเนื่อง โดยตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มกลับมาถูกฝุ่นควันคลุมหนาทึบขึ้นอีกหลังจากเจือจางลงไปบ้างในช่วง 2-3วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีของกรมควบคุมมลพิษในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ และตำบลสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พบค่าฝุ่น PM2.5เฉลี่ยในรอบ24ชั่วโมง ณ เวลา09.00น.วันนี้อยู่ที่69,71และ56ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ เกินค่ามาตรฐาน50ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 147,152และ114 เกินค่ามาตรฐาน100 อยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยช่วงเช้าดาวเทียมเวียร์ มีรายงานตรวจพบจุดความร้อนในภาคเหนือ 640 จุด เพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อวานนี้ที่ช่วงเช้าที่มีอยู่ 287 จุด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่เช้าวันนี้เกิดจุดความร้อน 153 จุด เพิ่มขึ้นจากเช้าวานนี้ที่มีอยู่ 49 จุด เป็นกว่า 3 เท่าตัว และเป็นจุดที่ลุกลามจากพื้นที่ที่เกิดไฟไหม้เดิมถึง 57 จุด ทั้งหมดอยู่บนภูเขาสูง ลาดชัน บางจุดเป็นเหวลึก ยากต่อการเข้าดับไฟ เพราะต้องใช้วิธีเดินเท้าเป็นเวลานาน กว่าจะถึงจุดเกิดไฟไหม้ก็ลุกลามเป็นวงกว้างแล้ว โดยที่อำเภอเชียงดาวตรวจพบจุดความร้อนมากที่สุด 33 จุด รองลงมาคืออำเภอ พร้าว 32 จุด และอำเภอแม่แตง 29 จุด ซึ่งที่อำเภอแม่แตงนี้เป็นพื้นที่ที่ลามจากช่วงบ่ายวานนี้มากถึง 19 จุด โดยทางจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดส่งเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 ลำ ขึ้นบินโปรยน้ำดับไฟในบริเวณป่าห้วยหนองมอก หมู่ 8 บ้านห้วยทราย ตำบลแม่ปั๋ง และพื้นที่รอยต่อของตำบลแม่ปั๋งกับตำบลแม่หอพระ อำเภอพร้าว เพื่อช่วยบรรเทาความรุนแรงของเชื้อไฟ ก่อนให้เจ้าหน้าที่ดับไฟภาคพื้นดินเข้าดับไฟให้สนิทอีกครั้ง ขอบคุณภาพ : เพจเฟซบุ๊ก GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)