จบลงด้วยดี แม่ค้าคนกลางชาวกำแพงเพชร รุดไกล่เกลี่ยเกษตรกรผู้ปลูกดาวเรืองที่บุรีรัมย์ หลังแจ้งความร้องทุกข์ถูกเบี้ยวเงินค่าดาวเรือง แม่ค้ายันไม่ได้โกงแต่เป็นการสื่อสารไม่เข้าใจกัน ทั้งเจรจาตกลงยอมจ่ายค่าดาวเรืองให้ 5,230 บาท อีกฝ่ายพอใจยอมถอนแจ้งความ ตร.เตือนทั้งสองฝ่ายหยุดโต้ตอบให้ร้ายกันในโซเชียลไม่งั้นจะดำเนินคดี ความคืบหน้ากรณีเกษตรกรผู้ปลูกดอกดาวเรืองในอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 6 ราย ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือและแจ้งความเอาผิดกับแม่ค้าคนกลางชาว จ.กำแพงเพชร โดยอ้างว่าถูกหลอกซื้อขายดอกดาวเรืองประมาณ 1 แสนดอก โดยมีการทำสัญญาซื้อขายไว้เป็นหลักฐานระหว่างทั้งสองฝ่ายด้วย แต่พอเกษตรกรรวบรวมดอกดาวเรืองขนส่งไปให้เรียบร้อย รวบจำนวน 3 รอบ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับไม่ได้รับเงินค่าดาวเรืองได้เพียงค่าขนส่งเท่านั้น พอโทรศัพท์ไปทวงถามก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าขายยังไม่ได้บ้าง ดอกผิดไซด์บ้าง กระทั่งปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ แชตไปก็มาตอบ ล่าสุดช่วงเย็นวานนี้ (19 มี.ค.64) น.ส.ภานิชา เขียนสอาด แม่ค้าคนกลางชาว จ.กำแพงเพชร ที่ถูกแจ้งความกล่าวหาว่าเบี้ยวเงินค่าดาวเรือง พร้อมด้วย น.ส.ภัทราภรณ์ ค้ำคูณ ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกดาวเรือง ซึ่งเป็นคนที่ทำสัญญากับแม่ค้าคนกลางรายดังกล่าว และรวบรวมดอกดาวเรืองจากลูกสวน ก็ได้เดินทางมาพบ ร.ต.อ.มานพ รอยประโคน พนักงานสอบสวน สภ.นางรอง เจ้าของคดี เพื่อไกล่เกลี่ยเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่ง น.ส.ภานิชา แม่ค้าคนกลาง ก็ชี้แจงว่าตนไม่ได้มีเจตนาจะโกงหรือเบี้ยวเงินเกษตรกรตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน เพราะตนเองแจ้งว่าอยากให้ดาวเรืองไซส์ใหญ่ แต่พอตัวแทนเกษตรกรส่งดอกดาวเรืองไปให้กลับไม่ตรงกับไซส์ที่ตกลงกัน และดอกดาวเรืองบางส่วนก็ช้ำ ทำให้ไม่สามารถขายต่อได้ ซึ่งตนเองก็พยายามอธิบายให้ น.ส.ภัทราภรณ์ ฟังแล้ว แต่ก็คุยกันไม่เข้าใจตนจึงไม่คุยด้วย จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าตนเองเบี้ยวเงินค่าดาวเรือง จนมีการไปร้องสื่อและแจ้งความ ขณะที่ น.ส.ภัทราภรณ์ ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกดาวเรืองที่เป็นคนทำสัญญา ก็บอกว่า หลังจากรวบรวมดอกดาวเรืองส่งไปให้แม่ค้าคนกลางรายดังกล่าวตามออเดอร์แล้ว ซึ่งก็เข้าใจว่าบางส่วนไม่ตรงตามไซด์ที่ต้องการ แต่มีการรับของและทราบว่าบางส่วนได้ตีบิลตามขนาดไซส์แล้ว แต่กลับไม่ได้เงินสักทีซึ่งตนเองก็ถูกลูกสวนทวงถามมา จึงได้โทรไปสอบถามแม่ค้าคนกลางรายดังกล่าวก็บอกว่าขายไม่ได้ บอกว่าขนาดไม่ตรงตามไซส์ แต่พอโทรไปอีกก็ไม่รับและไม่ตอบแชตเลย จึงทำให้ตนเข้าใจว่าเจตนาจะหลบไม่จ่ายเงิน จึงได้ร้องเรียนกับสื่อและแจ้งความ แต่หลังจากทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยไกล่เกลี่ยกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน ต่างฝ่ายต่างก็เข้าใจและไม่ติดใจเอาเรื่องซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ยังมีการเจรจาจ่ายค่าดาวเรืองให้กับเกษตรกร โดยสรุปแม่ค้ายอมจ่าย เฉพาะดาวไข่จำนวน 52,300 ดอก โดยตีราคาเหมาให้ร้อยละ10 สตางค์ เป็นเงิน 5,230 บาท แต่ดาวสีดิฟ และสีทองไม่ได้จ่ายให้ ซึ่งเกษตรกรก็พอใจ จากนั้นก็สองคนก็ได้จับมือกัน และหลังจากมีการจ่ายเงินกับเรียบร้อย น.ส.ภัทราภรณ์ ก็ได้ถอนแจ้งความให้กับ น.ส.ภานิชา ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็จบลงด้วยดี และจะนำบทเรียนครั้งนี้ไปทำการค้าขายให้รอบคอบและสื่อสารกันให้เข้าใจมากขึ้น เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาอีก ขณะที่พนักงานสอบสวนก็ได้เตือนทั้งสองฝ่าย ว่าให้หยุดโต้ตอบหรือให้ร้ายกันในโซเชียล ซึ่งหากฝ่ายใดมีการโพสต์และมีเนื้อหาทำให้อีกฝ่ายเสียหาย ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย