เมื่อวันที่ 20 มี.ค.64 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์, พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เตชะพันธ์ รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.2 บก.ปปป. ปฏิบัติราชการ ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ต.กิตติภพ ทองเพชร สว.กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุมนายธวัชชัย หรือโบ้ อายุ 23 ปี ตามหมายจับ 1.ศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ จ.25/2564 ข้อหา ร่วมฉ้อโกงทรัพย์ และการกระทำโดยทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ 2.หมายจับศาลแขวงขอนแก่น ที่ 225/2563 ข้อหา ร่วมฉ้อโกงทรัพย์ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด 3. หมายจับศาลจังหวัดร้อย ที่ จ.66/2564 ข้อหา ฉ้อโกง ได้ที่ กองบังคับการปราบปราม ถ.พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนในทางออนไลน์ พบว่ามีผู้ใช้งานเฟสบุ๊ก แชร์โพสต์เตือนภัยว่า นายธวัชชัย หรือโบ้ฯ มีพฤติกรรมหลอกขายของทางออนไลน์หลายประเภท อาทิ อะไหล่รถยนต์ ประดับยนต์ และพระเครื่อง โดยมีพฤติกรรมหลอกลวงขายของออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2560 มีเหยื่อหลงเชื่อหลายร้อยราย แต่ด้วยจำนวนเงินไม่สูงมาก เมื่อทางผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหา และทางพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกไปที่บ้านผู้ต้องหา ทางมารดาของนายธวัชชัย หรือโบ้ฯ ก็จะพยายามขอไกล่เกลี่ย และคืนเงินให้กับผู้เสียหาย แต่มีผู้เสียหายบางรายที่ถูกผู้ต้องหาหลอกให้ซื้ออะไหล่รถยนต์ และพระเครื่อง แต่ไม่สามารถตกลงกับทางผู้เสียหายได้ ทางผู้เสียหายจึงแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ด้วยพฤติการณ์การกระทำความผิดของผู้ต้องหาซึ่งก่อเหตุในลักษณะนี้ ล่าสุดมีเจ้าหน้าที่รัฐ ถูกหลอกจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเร่งรัดติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้มาให้ได้โดยไว เพราะเชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้จะสร้างความเดือนร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน หากปล่อยไว้จะสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้วางแผนหลอกล่อให้ผู้ต้องหาเดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม และทำการจับกุมตัวผู้ต้องหา ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีต่อไป จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนได้กระทำความผิดจริง โดยตนจะใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางในการหาข้อมูลและทำการหลอกลวงผู้เสียหาย โดยเริ่มจากการเปิดดูข้อมูลตามกลุ่มประกาศขายสินค้า เมื่อเจอ ผู้เสียหายที่น่าสนใจ ตนก็จะขอเพิ่มเพื่อนกับผู้เสียหาย และทำการเสนอขายสินค้าที่ผู้เสียหายสนใจหรือต้องการ โดยข้อมูลที่เสนอไปนั้น ตนได้นำภาพมาจากอินเตอร์เน็ต เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อยอมโอนเงินให้ ตนก็จะเปลี่ยนเฟซบุ๊กไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถูกจับกุมได้ในที่สุด