จากกรณีที่พระเอก “เคลลี่ ธนพัฒน์” ออกมาเผยถึงเรื่องราวการเลิกรากับภรรยาสาว “นาย ชนุชตรา” หลังชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตไม่มีรูปคู่ในไอจีมานานหลายเดือน รวมถึงวาเลนไทน์ที่ผ่านมาก็ไม่มีโมเมนต์สวีตของทั้งคู่ ก่อนแหล่งข่าวจะยืนยันว่าทั้งคู่ได้เลิกกันตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด นาย ชนุชตรา ได้ออกมาเปิดใจ ภายหลังอัดรายการสนามข่าวบันเทิง โดยเจ้าตัวเผยว่า.... “เรื่องของนายกับพี่เคลลี่ ก็เป็นเรื่องจริงตามที่พี่เคลลี่พูดเลย ตอนนี้พี่เคลลี่ได้ย้ายออกมาจากบ้านแล้วค่ะ” ดูการสัมภาษณ์ของพี่เคลลี่แล้วเป็นยังไง? “เราก็เสียใจทั้งคู่ค่ะ” เสียดายไหม? “คือเราทำกันเต็มที่แล้วจริงๆ ค่ะ” แยกกันอยู่มาก่อน? “เราแยกกันอยู่มา 3 เดือนค่ะ นายก็ย้ายห้องไปนอนกับคุณแม่ เพราะก่อนที่เราจะแต่งงานกัน นายนอนกับคุณแม่มาก่อนตลอด เรายังมีที่ปรึกษาเป็นคุณแม่ คุณแม่ก็คอยสอนในเรื่องของการใช้ชีวิต” ตอนที่เคลลี่ย้ายออกจากบ้านรู้สึกยังไงบ้าง? “วันนั้นนายถ่ายละครพอดีค่ะก็ไม่ได้อยู่บ้าน ใจหายเหมือนกันค่ะ พอกลับมาบ้านคือไม่มีของของเขาแล้ว ก็รู้สึกหวิว ขาอ่อนค่ะ เราเคยอยู่ด้วยกันมา เรารับรู้ปัญหาของเรามาอยู่แล้วค่ะ และได้มีการตกลงกัน ว่าเราถอยออกมาคนละก้าวดีกว่า เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีมา ถอยออกมาจากการที่เราเป็นสามีภรรยา มาเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ความสัมพันธ์เราก็ยังอยู่ต่อไปไม่ขาดค่ะ” ปัญหาเกิดจากอะไร? “เป็นปัญหาที่มีมาเรื่อยๆ ค่ะ มีมาตลอดจริงๆ เรื่องช่องว่างระหว่างวัย เรื่องอายุก็มีส่วนด้วยค่ะ ในเรื่องของความคิด ทัศนคติการใช้ชีวิตของเรา คือเราโตมาต่างครอบครัว แล้ววันหนึ่งเรามาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ทำให้เราได้เรียนรู้กันค่ะ ตอนที่เป็นแฟนกัน เราก็มองแต่ในเรื่องของความรัก เราไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน 24 ชั่วโมง แต่พอเรามาเป็นสามีภรรยากัน เราได้ใช้ชีวิตด้วยกัน 24 ชั่วโมง ก็มีบางจุดที่เราไม่เข้าใจกัน ใช้ชีวิตไม่ตรงกัน เราพยายามปรับมาตลอดค่ะ เราปรับกันทั้งคู่ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราก็เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ดีกว่า เพราะว่าเราทำกันดีที่สุดแล้ว ไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย แต่เสียใจที่วันนี้ไม่มีเราอยู่ด้วยกันแล้ว ก่อนมาถึงจุดนี้ก็ปรึกษาครอบครัวตลอด คุณพ่อคุณแม่ก็ให้คำแนะนำแล้วก็สอนให้เราอดทน แต่พอสุดท้ายแล้ว เขาก็ยอมรับการตัดสินใจของเรา” มีไปร้องไห้กับคุณแม่ทั้งคู่ใช่มั้ย? “มีค่ะ ทั้งนาย ทั้งพี่เคลลี่ ทั้งคู่เลย คุณแม่ก็รักพี่เคลลี่เหมือนลูกของตัวเอง ตอนนี้ก็เสียใจอยู่ แต่ว่าโอเคขึ้นในระดับหนึ่งแล้วค่ะ ก็ต้องบอกว่านายโชคดีที่มีครอบครัวที่ดี มีผู้ใหญ่เข้าใจ มีเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้าง ทำให้เรารู้สึกโอเคขึ้นมาระดับหนึ่ง” เป็นเพราะไม่มีลูกด้วยหรือเปล่า? “ไม่มีส่วนค่ะ เพราะอย่างที่ทราบกัน ว่าพอนายแต่งงานแล้ว ก็อยากมีลูกเลย” ไม่มีเรื่องมือที่สามใช่มั้ย? “เรื่องมือที่ 3 ทั้งนายและพี่เคลลี่ไม่มีค่ะ ไม่มีแน่นอน ในเรื่องที่เข้าไปกดไลก์ พี่เต้ วิทย์สรัช คือเราสองคนเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเรารู้จักกันมา 10 กว่าปีแล้ว แล้วเราฟอลโลว์กัน นายก็กดไลก์ทุกคน แล้วนายก็ชอบคอมเมนต์หัวใจกับทุกคน ทั้งเพื่อนชาย ทั้งเพื่อนหญิง เป็นแบบนี้มาตลอดซึ่งพี่เคลลี่ไม่มีถามเรื่องนี้ค่ะ “เขารู้ใช่ไหมว่ารู้จักกันมาแต่แรกแล้ว? “คิดว่ารู้ค่ะ” ด้านเคลลี่ก็มีข่าวกับ “แคทรียา อิงลิช” ? “นายเห็นข่าวแล้วค่ะ พี่เขาถ่ายละครด้วยกันค่ะ แล้วก็สนิทกัน หนูก็เชื่อตามที่พี่เขาบอกตั้งแต่แรก คือเขาถ่ายละครด้วยกัน แล้วเขาก็สนิทกันค่ะ เรื่องนี้ไม่มีถามพี่เคลลี่ค่ะ” ยืนยันไม่มีเรื่องมือที่สามแน่นอนใช่มั้ย?“ไม่มีค่ะ ที่ผ่านมาเราเชื่อใจกันมาตลอด พี่เคลลี่ไม่เคยทำอะไรให้นายรู้สึกว่าไม่เชื่อใจค่ะ ถ้าเลิกกันไม่ใช่เรื่องของมือที่สามแน่นอน เป็นเรื่องของเราสองคนมากกว่า” เรือนหอเป็นของใคร ? “บ้านหลังนี้เป็นบ้านของนายกับครอบครัวอยู่แล้ว แล้วพอพี่เคลลี่แต่งงานเข้ามาที่บ้านนาย เขาได้ต่อเติมในส่วนของห้องฟิตเนสห้องนั้นไว้ค่ะ” ต้องมีการแบ่งสินสมรสกันมั้ย? “ไม่มีค่ะเพราะว่าเราไม่ได้จดทะเบียนกันด้วย” เคลลี่มอบทุกอย่างให้เราหมด? “ มอบอะไรคะ” ทรัพย์สินในบ้านที่เขารีโนเวต? “เป็นห้องฟิตเนสของพี่เคลลี่เขา เครื่องฟิตเนสก็ยังอยู่ที่บ้านนายอยู่ของๆ พี่เคลลี่เขายังขนไปไม่หมดค่ะ ยังย้ายออกไปไม่หมด ยังมีบางส่วนที่เหลืออยู่” ตอนแรกนายคิดอยากจะออกมาพูดมั้ย? “จริงๆพอเราพูดมันเหมือนการตอกย้ำความรู้สึกของเรา เหมือนแผลของเราก็ยังไม่หายดี ของเขายังเหลือไม่มากค่ะ เหลืออยู่นิดหน่อยค่ะ พอเห็นก็มีผลกับความรู้สึกค่ะ เพราะเราก็ยังรู้สึกอยู่ค่ะ เราก็ยังมีความรักอยู่เหมือน เราเข้าไปแล้วเราก็เจอของของเขา เจอของของเรา มันก็สะเทือนใจเห็นภาพเก่าๆ ความรักที่ให้ยังมีอยู่ค่ะ ยังอยู่ตลอด ซึ่งหลังจากที่มีข่าว ส่วนใหญ่พี่เคลลี่คุยกับคุณแม่ค่ะ แต่ก็มีคุยกันบ้าง” ถ้าเคลลี่ดูอยู่ อยากบอกอะไร? “(พนมมือขอบคุณ)อยากบอกพี่เคลลี่ ว่าขอบคุณสำหรับ 5 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่ดูแลหนู ขอบคุณที่มาเป็นความรักของหนู หนูก็อยากให้พี่เคลลี่ดูแลสุขภาพ แล้วก็อย่านอนดึก แล้วก็อยากจะบอกว่าน้องคนนี้ยังเป็นครอบครัวของพี่เสมอ ครอบครัวของหนูเป็นครอบครัวของพี่เสมอค่ะ(เสียงสั่น) “ มีโอกาสกลับมาเป็นครอบครัวอีกมั้ย ? “เรื่องกลับมาอีกครั้ง นายก็ไม่ทราบเหมือนกัน ต้องเป็นเรื่องของอนาคตด้วย ตอนนี้ยังเจอได้ค่ะ ปกติค่ะ” ตอนนี้พร้อมเปิดใจกับรักครั้งใหม่หรือยัง? “ยังไม่พร้อมกับเรื่องความรักยังไม่คิดถึงเรื่องนั้น คือคิดในเรื่องของการใช้ชีวิตต่อไป โฟกัสที่เรื่องงาน เรื่องของธุรกิจครอบครัวค่ะ” ทัศนคติเรื่องชีวิตคู่เปลี่ยนไปมั้ย? “เปลี่ยนนะคะ คิดว่าชีวิตคู่ ความรักอย่างเดียวมันไม่พอค่ะ ต้องมีอีกหลายอย่างค่ะ ความเข้าใจ ความคิด ความคิดเห็นที่ตรงกัน” คนรอบข้างเรามีให้กำลังใจมั้ย? “ส่วนใหญ่คนรอบข้างให้กำลังใจ เรามีครอบครัวที่ดี มีผู้ใหญ่ที่เข้าใจ แล้วก็มีเพื่อนๆ ที่คอยอยู่ข้างๆ คือเป็นกำลังใจให้คอยซัปพอร์ตเรา ทำให้เรารู้สึกโอเคขึ้นมากๆ เลย ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้นาย ที่คอยซัปพอร์ตทั้งนายและพี่เคลลี่ ขอบคุณมากๆ ก็คืออ่านเกือบทุกคอมเมนต์เลย ขอบคุณจากใจเลยค่ะ”