น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าถึงความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ณ วันที่ 17 มี.ค.64 มีผู้ได้รับสิทธิจำนวน 32.4 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 122,637 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.64 เป็นต้นมา จำนวน 50,670 ล้านบาท กลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" และกลุ่มที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.comจำนวน 16.7 ล้านคน และมีการใช้จ่ายสะสมตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.2564 เป็นต้นมา จำนวน 69,181 ล้านบาท
กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน) จำนวน 2 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิสะสมตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.2564 เป็นต้นมา จำนวน 2,786 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าที่มีแอพพลิเคชัน "ถุงเงิน" ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.2 ล้านกิจการ
น.ส.กุลยา กล่าวว่า กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน) ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการระหว่างวันที่ 22 ก.พ. – 5 มี.ค.2564 จะได้รับการโอนวงเงินสิทธิครั้งแรก 6,000 บาท ในวันที่ 19 มี.ค.2564 และสามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ดังกล่าวได้ที่ร้านค้าและผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการเราชนะ ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มดังกล่าวสามารถติดต่อสาขาหรือจุดบริการเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) หากประสงค์จะกำหนดรหัส 6 หลัก (PIN Code) เพื่อใช้ยืนยันตัวตนในการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ดังกล่าวแทนการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า
"ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้รับเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตของประชาชนหรือผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการเราชนะ (โครงการฯ) โดยมีพฤติกรรมการใช้จ่ายวงเงินสิทธิไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการเราชนะ เช่น การแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด การขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประสานขอความร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามและตรวจสอบ"
อย่างไรก็ตามหากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ของร้านค้า และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงขอความร่วมมือประชาชนในการรักษาสิทธิของตนเอง และขอให้ผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการฯ