วันที่ 18 มี.ค.64 นายสุพจน์ อาวาส โฆษกพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พล.อ. ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ​ ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบและ​ ขอโทษ​กรณีพาดพิงมหาวิทยาลัยราชภัฏ จนถูกโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ด้วยเหตุผลที่สำคัญหลายอย่าง ประกอบด้วย (1) นาม ราชภัฏ เป็นนามพระราชทาน หมายถึงคนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน และคนของราชภัฏ ทั้งแผ่นดินจึงสำเหนียกและมีจิตสำนึกไม่แตกต่างจากคนไทยทุกคนที่มุ่งมั่นและอุทิศตน​พร้อมทั้ง​ มุงานเพื่อถวายความจงรักภักดีและเทิดทูนไว้เหนือเศียรเกล้าและ หัวใจของคนราชภัฏถูกประทับไว้ด้วยตราประจำพระองค์ หรือพระราชลัญจกร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้อยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้เป็นตราของสถาบันราชภัฏ หรือ มหาวิทยาลัยราชภัฏนับแต่วันที่ 6 มีนาคม 2538 (2) มหาวิทยาลัยราชภัฏ ทั้ง 38 แห่งได้ปรับตัวและยกระดับตนเองเพื่อให้ก้าวล้ำและทันโลกอีกทั้ง ได้รับการจัดอันดับของการยอมรับที่ดีขึ้นเป็นลำดับ (3) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงมีความรักและผูกพันกับมหาวิทยาลัยราชภัฏทุกแห่งเป็นกรณีพิเศษ โดยทรงมีพระราชกระแสสำแดงความผูกพันกับมหาวิทยาลัยราชภัฏทุกแห่งไว้เป็นเชิงประจักษ์ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 ณ พระที่นั่งอัมพรสถานและมหาวิทยาลัยราชภัฏทุกที่ได้อัญเชิญพระราชกระแส ข้างต้น ​(ตามแนบ)​ สถิต หรือ ประดิษฐานไว้เพื่อให้นักศึกษาและครูบาอาจารย์ตลอดจน​ บุคลากรของมหาวิทยาลั​ยได้ทราบโดยทั่วกัน และทุกคนในฐานะ 'ข้าของแผ่นดิน' ได้ถือเอาพระราชกระแส ดังกล่าว เป็นแนวทางในการทำงานเพื่อสนองพระราชปณิธานสืบต่อกันมาอย่างเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนา ตลอดจน การส่งเสริมและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนภูมิภาคและท้องถิ่นตามบริบทและความต้องการของชุมชน และ (4) มหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่ง กระจายอยู่ทุกภูมิภาคและแบ่งพื้นที่กันรับผิดชอบในการพัฒนาท้องถิ่นอย่างชัดเจน ประกอบ 7 กลุ่มย่อย กล่าวคือ​ กลุ่มภาคเหนือ จำนวน 8 แห่ง กลุ่มรัตนโกสินทร์ หรือกรุงเทพมหานคร จำนวน 5 แห่ง​ กลุ่มภาคกลาง จำนวน 3 แห่ง​ กลุ่มตะวันตก จำนวน 4 แห่ง กลุ่มตะวันออก จำนวน 2 แห่ง กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 11 แห่งและกลุ่มภาคใต้ จำนวน 5 แห่งและนับตั้งแต่ปี 2553-2563 มีผู้สำเร็จการศึกษาโดยเฉลี่ยแห่งละไม่น้อยกว่า 2,500 คน ต่อปี รวมเป็นผู้สำเร็จการศึกษาทั้งสิ้น 950,000 คน และยังไม่นับรวมบุคคลแต่ละแห่งอีกไม่ต่ำกว่า 800 คน ตลอดจน ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันอีกนับไม่ถ้วน " หากบุคคลากร นิสิตและนักศึกษา​ รวมถึง​ ภาคีของมหาวิทยาลัยราชภัฏ รวมตัว​ หรือ​ ผนึกกัน​ พรรคพลังประชารัฐซึ่งมีพล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค จะเสียหายและตกที่นั่งลำบากซึ่งมั่นใจว่า พล.อ.ประวิตร คงไม่ต้องการให้เรื่องนี้เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตร ชอบทำตัวไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่ควรรู้ และ ที่ควรรู้กลับไม่รู้ จึงเป็นเรื่องอันตราย และ ขอเรียกร้องให้ พลเอก ประวิตร ออกมาขอโทษคนราชภัฏอย่างเป็นทางการและอย่าปล่อยให้ลิ่วล้อ ออกมาแถแบบเอาสีข้างเข้าถูไปวันๆ"