คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่เพิ่งจะผ่านพ้นไปเพียงแค่สี่เดือนกว่าๆเท่านั้น โดยในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2022 ซึ่งยังคงเหลืออีกแค่เพียง 20 เดือนก็จะเป็นวันเลือกตั้งกลางสมัย และสมาชิกผู้แทนราษฎรทั้ง 435 คนก็จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่หมด รวมทั้งวุฒิสมาชิกจำนวนหนึ่งในสาม ซึ่งจะมีวุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกัน 20 คนและวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครต 14 คน ต้องเผชิญกับการแข่งขันเลือกตั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง
โดยปกติแล้วการเลือกตั้งกลางสมัยนั้น พรรคใดก็ตามที่กำลังมีประธานาธิบดีครอบครองอยู่ในตำแหน่งมักจะพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง และหากจะยึดหลักเยี่ยงนั้นแล้วไซร้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนก็คงจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ทั้งนี้เนื่องจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนไม่อยากให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนเช่นที่ผ่านๆมา เขาและทีมงานจึงวางแผนจัดเตรียมอาวุธสำคัญเอาไว้อย่างพร้อมเพรียง เพื่อต้องการที่จะรักษาเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเอาไว้ เพราะหากพบกับความพ่ายแพ้ก็คงจะต้องกลับไปงอนง้อกราบกรานพรรครีพับลิกันในการบริหารประเทศ!!!
อนึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (American Rescue Plan) ที่มีเม็ดเงินจำนวนมากถึง 1.9 ล้านล้านเหรียญ ซึ่ง “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” ได้เซ็นต์เป็นกฎหมายไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้ นับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงสำคัญชิ้นแรกที่เขาสามารถเข็นให้ผ่านทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ถึงแม้ว่าจะผ่านแบบฉิวเฉียดหวุดหวิดไม่มีน็อคเอาท์ กล่าวคือชนะคะแนนเสียงในวุฒิสภาได้เพียง 50 ต่อ 49 และผ่านสภาผู้แทนราษฎรด้วยเสียง 221 ต่อ 211 โดยที่พรรคเดโมแครตมิได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกันเลยแม้แต่เสียงเดียว!!!
ทั้งนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ใช้ไม้ตายตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวไม่ต้องพึ่งพรรครีพับลิกัน แต่ได้ขอร้องให้นักการเมืองค่ายพรรคเดโมแครตทั้งวุฒิสมาชิกและส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรผนึกพลังเดินหน้าแบบฉายเดี่ยวพรรคเดียว เร่งให้งบประมาณ 1.9 ล้านล้านเหรียญผ่านทันเวลาก่อนวันที่ 14 มีนาคม 2021 ตามคำมั่นสัญญาว่าจะเข้าไปแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดจนคร่าชีวิตคนอเมริกันไปแล้วกว่าห้าแสนคน โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนมีความมุ่งมั่นต้องการที่จะทำให้วิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังร้ายแรงอยู่ในขณะนี้ กลับคืนสู่สภาวะปกติเหมือนดั่งเดิมเท่าที่จะเร็วได้
อนึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนตระหนักดีว่า นักการเมืองของพรรครีพับลิกันพยายามที่จะใช้กลยุทธ์ต่างๆนาๆมาเพื่อให้งบ 1.9 ล้านล้านเหรียญติดขัดล้มเหลว แต่เขาก็ไม่สนไม่แคร์มุ่งหน้าทั้งเข็นทั้งดันจนสำเร็จ มีผลทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมและได้รับแรงสนับสนุนจากชาวอเมริกันเป็นอย่างดี
จากผลการหยั่งเสียงของสำนักโพลชื่อดัง Morning Consult ร่วมกับ Politico เมื่อวันที่ 19 ถึง 22 กุมภาพันธ์ 2021 ระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้วคนอเมริกันเห็นด้วยกับงบประมาณเยียวยาที่พวกเขาต่างได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 นี้มากถึง 76% ส่วนฐานเสียงของพรรครีพับลิกันก็ออกมาแสดงความเห็นชอบด้วย 60% และฐานเสียงที่อิงแอบแนบชิดติดสนิทกับพรรคเดโมแครตก็ให้การสนับสนุนสูงมากถึง 90%
อย่างไรก็ตามเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนก็ได้เซ็นต์อนุมัติงบ 1.9 ล้านล้านเหรียญที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรในขั้นตอนสุดท้ายไปเรียบร้อยแล้ว และเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อมาประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้กล่าวสุนทรพจน์รายงานให้คนอเมริกันทราบถึงความทุกข์ยาก ความเจ็บปวด และความสิ้นหวังโดยมีผู้ชมรายการ 18.2 ล้านคน
ทั้งนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ใช้หัวข้อกล่าวปราศรัยว่า “สหรัฐอเมริกากลับมาอีกครั้ง” โดยสัญญาว่าจะให้คนอเมริกันทุกๆคนได้รับการฉีดวัคซีนภายในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้
และวันกล่าวปราศรัยนี้ ถือเป็นวาระครบหนึ่งปีเต็มพอดิบพอดีที่องค์การอนามัยโลกได้แถลงวาระการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดยคำปราศรัยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ชี้ว่า “ นับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด แต่ปรากฏว่า อดีตผู้นำของสหรัฐฯ(โดยมิได้ระบุชื่อแต่ทุกๆคนก็ทราบว่าเป็นใคร)กลับเพิกเฉยและกลับปฏิเสธไม่ยอมรับว่าโรคโควิด-19 เป็นโรคที่แสนอันตรายแบบสุดๆ แถมยังสร้างความสับสนให้แก่ประชาชนบอกว่าโรคนี้ไม่ร้ายแรงและอีกไม่นานก็จะหายสาบสูญไปเอง” แต่กลับปรากฏว่ามิได้เป็นอย่างที่อดีตผู้นำเยี่ยงประธานาธิบดีทรัมป์บอกกล่าวแต่อย่างใด เพราะขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทวีคูณแถมยังขยายวงกว้างเพิ่มขึ้นทุกๆวัน!!!
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า “น่าชื่นชมยกย่องฮีโร่ผู้อยู่แนวหน้าเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 ที่ยอมเสียสละเสี่ยงต่อชีวิตของตนเอง”โดยประธานาธิบไบเดนได้กล่าวต่อไปอีกว่า “ข้าพเจ้าถือกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้ทุกๆวัน เพื่อจดบันทึกจำนวนของผู้เสียชีวิตด้วยโรคระบาดร้ายแรงนี้ และ ณ วันนี้มียอดของผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 527,726 ราย โดยจำนวนดังกล่าวนี้มีมากกว่าจำนวนของผู้ที่เสียชีวิตทั้งหมดในสงครามโลกครั้งแรก ครั้งที่สอง สงครามเวียดนาม และผู้เสียชีวิตจากเหตุโศกนาฎกรรม 9/11 ด้วยซ้ำไป
โดยขณะนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้เตรียมตกลงที่จะสั่งซื้อวัคซีนกับบริษัทผู้ผลิตไว้แล้ว 800 ล้านชุด สำหรับใช้ฉีดให้แก่คนอเมริกันได้ถึง 500 ล้านคน
อีกตอนหนึ่งในคำปราศรัยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เขาได้ชี้ว่า “คนอเมริกันบางคนตกงาน บางคนก็ต้องสูญเสียธุรกิจ บางคนก็ถูกไล่ออกจากที่อยู่อาศัยจนกลายเป็นผู้ไร้บ้าน บางคนก็ไม่มีอาหารยาไส้ โดยทุกๆคนที่กล่าวมานี้ไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้ ทำให้พวกเขาขาดความหวัง แม้กระทั่งขณะนี้ที่ชาวเอเชียอเมริกันถูกทำร้ายทุบตี ถูกกลั่นแกล้ง ถูกรังควาน กลายเป็นแพะรับบาป”
และอีกช่วงหนึ่งในสุนทรพจน์ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้กล่าวว่า “หนทางที่จะเอาชนะโรคโควิด-19 ครั้งนี้ได้มีอยู่ว่า ต้องพูดความจริง ต้องเชื่อนักวิทยาศาสตร์นักสาธารณสุข ต้องร่วมใจกัน และต้องให้ความร่วมมือต่อรัฐบาลที่ขณะนี้กำลังเร่งให้ความปกป้องช่วยเหลือแก่คนอเมริกัน”
ในตอนท้ายประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ให้คำมั่นสัญญาว่า “พวกเราทุกคนจะต้องเอาชนะโรคโควิด-19 นี้ให้จงได้ และภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2021 ที่จะถึงนี้ ทุกๆคนจะมีโอกาสได้รับการฉีดวัคซีน และ “ข้าพเจ้าขอสัญญาว่าข้าพเจ้าจะทำทุกอย่างในอำนาจทั้งหมดที่ข้าพเจ้ามีอยู่เอาชนะโรคโควิด-19 นี้ให้ได้ และข้าพเจ้าใคร่ขอความร่วมมือจากคนอเมริกันทุกๆคน”
เมื่อมองจากภาพรวมในการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในครั้งนี้แล้วจะเห็นได้ว่า เขาได้แสดงเมตตาจิตแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อชาวอเมริกันผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากโรคโควิด-19 โดยขอให้คนอเมริกันทุกคนร่วมใจกันต่อสู้ อีกทั้งเขายังได้ตั้งความหวังเอาไว้ว่า วันชาติอเมริกันที่ 4 กรกฎาคม 2021นี้ จะเป็นวันรวมญาติที่ทุกคนสามารถรวมสมาชิกในครอบครัวร่วมกันเฉลิมฉลอง!!!
อย่างไรก็ตามผลงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่คนอเมริกันต่างเฝ้าคอยก็คือ เงิน 1,400 เหรียญเพื่อช่วยเหลือเยียวยาสำหรับผู้ที่เป็นโสดที่มีรายได้ต่ำกว่า 75,000 เหรียญต่อปีและคู่สามีภรรยาที่มีรายได้ไม่เกิน 150,000 เหรียญ การเข้าไปอุ้มธุรกิจขนาดย่อมที่กำลังล้มลุกคลุกคลาน การบริหารจัดการต่อโรคโควิด และยังมีโครงการช่วยเหลือคนอเมริกันอีกหลายๆด้าน
อีกทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์เกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมเหมือนดั่งสมัยการเลือกตั้งเมื่อปี 2010 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ที่การเลือกตั้งกลางสมัยในครั้งนั้นปรากฏว่าพรรคเดโมแครตที่เคยคุมเสียงข้างมากในสภาคองเกรสต้องประสบกับความแพ้พ่ายอย่างยับเยินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคเดโมแครตต้องสูญเสียไปถึง 63 ที่นั่ง แถมในวุฒิสภาพรรครีพับลิกันก็ยังเป็นฝ่ายมีเสียงข้างมากอีกด้วย
ฉะนั้นนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปประธานาธิบดีโจ ไบเดน และ รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส รวมทั้งนักการเมืองของค่ายพรรคเดโมแครตทุกๆคนจะทยอยกันออกเดินทางไปตามรัฐต่างๆ เพื่อนำความสำเร็จในช่วง 50 วันของการบริหารประเทศที่ผ่านมาไปรายงานให้คนอเมริกันได้รับทราบ เท่ากับว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน หวังจะใช้ความสำเร็จนี้เป็นจุดขายให้คนอเมริกันได้รับรู้ว่า ทีมงานของเขาสร้างความสำเร็จอะไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐที่เป็นฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการที่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนและทีมงานของพรรคเดโมแครต จะนำเอาความสำเร็จในการแก้ไขโรคโควิด-19 ในขั้นประเดิมเริ่มแรกนี้ไปใช้เป็นอาวุธสำคัญทางการเมือง ก็คงจะต้องใช้ทีมงานเป็นจำนวนมากบริหารจัดการอย่างรอบครอบ เพราะในเวลาเดียวกันพรรครีพับลิกันฝ่ายตรงข้ามก็กำลังจ้องตาเป็นมันและกำลังใคร่ครวญกันว่าจะนำเอาเล่ห์เหลี่ยมกลเม็ดเด็ดพรายกำลังภายนอกและกำลังภายในข้อใดงัดออกมาใช้ขัดแย้งโต้กลับ เพื่อหวังจะทำให้ค่ายพรรคของตนเองพลิกฟื้นคืนชีวิตได้กลับเข้าไปรับเสียงข้างมากอีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2022 ที่กำลังจะถึงในอีก 20 เดือนข้างหน้านี้เช่นกันละครับ