วันที่ 18 มี.ค.64 นายสรวิศ เห็นแก้ว ผู้อำนวยการกองช่าง องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านกลุ่มหนึ่งร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนถึงโครงการติดตั้งแบริเออร์ปูนเกาะกลางถนนของทางหลวงชนบท ภายในที่ซอยหัวหิน 112 ต.ทับใต้ อ.หัวหิน ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายครั้งแล้ว โดยนายสรวิศ กล่าวว่าอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามารับรู้ถึงความทุกข์ของชาวบ้านเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวและแก้ไขอย่างเร่งด่วนทางเราได้มีมติแล้วว่าชาวบ้านไม่เอาโครงการนี้ อยากให้ตีเส้นจราจรเหมือนเดิม เพื่อความสะดวกและความปลอดภัย เนื่องจากโครงการที่ว่าทำให้ถนนแคบลง ไม่มีการยืดหยุ่นซ้ายหรือขวา ไม่มีการติดตั้งไฟส่องสว่างตอนกลางคืน เมื่อมีเกาะกลางแบบนี้ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ทางผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กรรมการหมู่บ้านได้รวบรวมรายชื่อราษฎรที่เคยมาประชุมส่งให้ทางหลวงชนบทเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นมาประสานงานซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมา 2 สัปดาห์แล้ว นายสุเทพ สงสัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ต.ทับใต้ กล่าวว่า ทางเราได้รวมรายชื่อชาวบ้านกว่า 400 คน เพื่อส่งให้กับกรมทางหลวงชนบท ซึ่งเราส่งไปให้ 1 ชุด และเก็บไว้ 1 ชุด เป็นเอกสารเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบของชาวบ้าน ซึ่งก็ได้แจ้งไปแล้วเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมดที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน จึงอยากให้ผู้สื่อข่าวช่วยเป็นสื่อนำเสนอข่าวในสิ่งที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เพราะตอนนี้เรื่องที่เราส่งไปนั้นยังเงียบอยู่ ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่สบายใจเพราะกลัวจะเกิดอุบัติซ้ำอีก อยากให้หน่วยงานใดใครก็ได้ช่วยเหลือพวกเราให้เอาแบริเออร์อันนี้ออกไป ด้านนายประสิทธิ์ จีนเวชศาสตร์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการก่อสร้างกำแพงคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ (Rubber fender barier RFB) สาย ปข.2057 แยก ทล.37 - บ้านหัวนา อ.หัวหิน ระยะทาง 6,100 เมตร เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 จะสิ้นสุดวันที่ 28 เมษายน 2564 รวม 210 วัน ค่าก่อสร้างประมาณ 25,343,000 บาท ผู้รับจ้างคือ หจก.อลงกตวัสดุภัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างติดตั้งแล้วผลงาน 30% โดยแขวงทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ได้เข้าไปจัดการการมีส่วนร่วมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งประชาชนในพื้นที่สองข้างทางเองก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างไปจากแนวคิดของโครงการ โดยประชาชนคิดว่าเมื่อสร้างกำแพงคอนกรีตไปเรื่อยๆแล้ว มันกระทบกับวิถีชีวิตของประชาชนสองข้างทางเยอะมาก ทางผมขอเรียนให้ทราบว่ากรมทางหลวงชนบทมีความประสงค์มีจุดมุ่งมั่นที่จะทำให้เส้นทางสายนี้มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะปลอดภัยทั้งผู้ที่อยู่อาศัยทั้งสองข้างทาง และนักท่องเที่ยวที่ใช้เส้นทางนี้เดินทางผ่านไปมา ถนนสายนี้มันจะเป็นถนนที่มีความสำคัญ ช่วยในการระบายปริมาณจราจรจาก อ.หัวหินทางด้านตอนใต้ สามารถระบายออกมาทางด้านถนน ทล.37 ได้ จะช่วยระบายการจราจรได้เป็นอย่างดี เราเล็งเห็นว่าถนนสายนี้เป็นทางเลี่ยง เป็นทางระบาย เป็นเส้นทางที่สามารถระบายการจราจรได้ ในอนาคตปริมาณการจราจรจะสูงเพิ่มมากขึ้น เราจึงได้มีโครงการที่จะดำเนินก่อสร้างกำแพงคอนกรีตหุ้มแผ่นยางธรรมชาติที่นี่ “ทางแขวงทางหลวงชนบทจะเข้าไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่และผู้ที่ใช้เส้นทางผ่านไปมาอีกครั้งหนึ่ง จะพยายามนำเสนอให้ทราบว่าจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของทางกรมทางหลวงชนบทเอง มีความมุ่งหวังอะไร มีความต้องการให้เกิดความปลอดภัยขึ้นอย่างไร ในขณะเดียวกันเราก็ยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ว่าเกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของท่านอย่างไร เมื่อเรารับฟังแล้วเราก็ยินดีที่จะมาปรับแก้ไขรายละเอียด เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ให้น้อยที่สุด” นายประสิทธิ์ กล่าว