สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) นำโดย นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานคณะกรรมการดำเนินการ และดร.ปัณฐวิชญ์ มุ่งสมัครศรีกุล ผู้อำนวยการฯ จัดประชุมเพื่อหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านเอกสารสิทธิในที่ดินที่ทำกินและอยู่อาศัย ให้แก่กลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่า 13 สหกรณ์นิคม ณ ห้องประชุมรัชนี 6 ศูนย์การประชุมรัชนีแจ่มจรัส (น.ม.ส.)สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม เปิดเผยว่า สันนิบาตสหกรณ์ฯ จัดประชุมเพื่อหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านเอกสารสิทธิในที่ดินที่ทำกินและอยู่อาศัย ให้แก่กลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่า 14 สหกรณ์นิคม ที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้ามากว่า 10 ปี สันนิบาตสหกรณ์ฯ จึงได้ทวงถามถึงเอกสารสิทธิดังกล่าว เนื่องจากได้ลงพื้นที่และรับทราบว่าในพื้นที่ดังกล่าว ไม่ได้มีสภาพเป็นป่าสงวนแต่อย่างใด มีแต่งบประมาณจากภาครัฐ เพื่อให้ปลูกต้นไม้เพิ่ม ปลูกป่าเสริม แต่ไม่ได้พยายามช่วยเหลือพี่น้องสหกรณ์ที่พยายามขอสิทธิในพื้นที่ทำกิน สันนิบาตสหกรณ์ฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เตรียมผลักดันสหกรณ์ผู้ได้รับความเสียหายยื่นหนังสือ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทวงถามถึงความถูกต้อง ในการเข้าไปทำกิน กว่า 62 ปี (ตั้งแต่ปี พ.ศ.2502) ยืนยัน “เราจะไม่ทิ้งสหกรณ์ใดสหกรณ์หนึ่งไว้ข้างหลัง” ด้านนายเจียง นาอุดม กรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์ฯ ในฐานะผู้เข้าร่วมประชุม กล่าวว่า ตนรู้สึกขอบคุณสันนิบาตสหกรณ์ฯ ที่เข้ามาผลักดันในเรื่องที่ดินทำกินของสหกรณ์นิคม ซึ่งที่ผ่านมา ไม่ได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐเลย เคยไปยื่นหนังสือหลายครั้งแต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ ที่ประชุมในครั้งนี้ จึงมีมติตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมยื่นหนังสือถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี, ประธานสภาผู้แทนราษฎร, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อทวงถามถึงการช่วยเหลือเพื่อให้ประชาชนได้มีที่ทำกินโดยสหกรณ์นิคมได้พยายามผลักดันเรื่องนี้มาโดยตลอด” นายเจียง กล่าวอีกว่า อยากให้คณะรัฐมนตรี และผู้มีอำนาจ ออกกฤษฎีกาเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ เพราะข้อเท็จจริงแล้ว ประชาชนได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ ในปี พ.ศ.2502 ก่อนที่จะกำหนดพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวน ในปี พ.ศ.2507 ขณะนี้ ในปี พ.ศ.2546 ในพื้นที่ 14 ป่า 13 นิคมสหกรณ์ มีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม ปัจจุบันในพื้นที่มีวัด โรงเรียน โรงพยาบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีสาธารณูปโภค ทั้งน้ำประปาและไฟฟ้า เป็นที่อยู่ของประชาชนหมดแล้ว จึงอยากวิงวอนขอให้ภาครัฐจัดที่ทำกินและเอกสารสิทธิให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยขณะนี้มีสหกรณ์ที่ได้รับความเดือดร้อน 14 แห่ง ได้แก่ 1.สหกรณ์นิคมแม่แจ่มจำกัด 2.สหกรณ์นิคมนาคอเรือจำกัด 3.สหกรณ์นิคมวังทองจำกัด 4.สหกรณ์นิคมลานสักจำกัด 5.สหกรณ์นิคมดงมูลหนึ่งจำกัด 6.สหกรณ์นิคมชัยบาดาลจำกัด 7.สหกรณ์นิคมบางสะพานจำกัด 8.สหกรณ์นิคมปะทิวจำกัด 9.สหกรณ์นิคมลำนารายณ์จำกัด 10.สหกรณ์นิคมขามทะเลสอจำกัด 11.สหกรณ์นิคมเนินมะปรางจำกัด 12.สหกรณ์นิคมพันชาลีจำกัด 13.สหกรณ์นิคมดงมูลสองจำกัด และ14.สหกรณ์นิคมแคนดงจำกัด