STI แม่ทัพใหญ่ที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้าง มั่นใจปี 64 ผลงานท็อปฟอร์ม วางเป้ารายได้ปีนี้โต 20% จากปีก่อนโชว์ศักยภาพการบริหารงาน หนุนผลประกอบการนิวไฮทั้งรายได้และกำไร ด้าน “สมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์” แม่ทัพใหญ่ ไม่หยุดนิ่ง มองปีนี้เป็นโอกาสทองในการคว้างานใหญ่ต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าลุยเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ โดยมีบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่งฯ เสริมทัพ ขณะที่งานภาคเอกชนโครงการขนาดใหญ่เดินหน้าตามแผน หนุนปัจจุบันกลุ่มบริษัทมี Backlog รวมกันอยู่ที่กว่า 4,200 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญางานโครงการอื่นๆเพิ่มเติมอีกหลายโครงการ นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำกลุ่มธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจในปี 2564 คาดจะเป็นอีกปีที่ดีของกลุ่มบริษัท เนื่องจาก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ส่งผลให้ในหลายๆโครงการเริ่มทยอยเดินหน้าต่อ และเป็นโอกาสของกลุ่มบริษัทในการเข้าไปขยายงาน ในโครงการภาครัฐบาลที่อยู่ระหว่างรอยื่นประมูลอีกหลายเมกะโปรเจกต์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเริ่มมีการประมูลในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้แล้ว ขณะที่บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) เป็นบริษัทในกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญในงานโครงสร้างพื้นฐาน เข้ามาเสริมทัพในการคว้างานใหม่ และรับรู้ผลการดำเนินงานรวมกันเต็มปีเป็นปีแรก รวมไปถึงงานภาคเอกชนที่ STI มีความเชี่ยวชาญทางด้านงานอาคาร และมีประสบการณ์ในโครงการขนาดใหญ่มีชื่อเสียงมากมาย จึงตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนมากกว่า 20% หรือรายได้แตะระดับ 1,900 ล้านบาท ทั้งนี้แนวโน้มไตรมาส 1/2564 ที่ผ่านมา เติบโตตามแผนงานที่วางไว้ แม้ประเทศไทยจะเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่แทบไม่กระทบการทำงานของกลุ่มบริษัท เนื่องจาก งานส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ และมีการทยอยรับรู้รายได้ตามความสำเร็จของงานอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) กว่า 4,200 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐบาลสัดส่วน 74% และเอกชนสัดส่วน 26% หรือคิดเป็นราว 200 โครงการที่เตรียมทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างเดินหน้าประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีก ล่าสุดบริษัทเพิ่งได้รับงานบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสภาวิศวกร,โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ รวมมูลค่า 142 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) “ปี 2564 เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปีที่กลุ่มบริษัทสามารถบันทึกสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง จากการรับรู้ผลการดำเนินงานที่เติบโตของบริษัท สโตนเฮ้นจ์เอง และผลงานของบริษัทย่อยคือ บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่งฯเต็มปี ซึ่งในปีนี้ทางบริษัทย่อยมีโอกาสขยายงานที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างในโครงการภาครัฐบาลได้แก่ งานที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างโครงการสนามบินอู่ตะเภา งานโครงการรถไฟรางคู่สายเหนือ เด่นชัย-เชียงราย และสายอีสาน บ้านไผ่-นครพนม และงานโครงการสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นต้น” อย่างไรก็ดี จากความสำเร็จในการควบรวมกับบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่งฯ ตามแผนขยายกิจการ สนับสนุนให้ปี 2563 เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัทฯ ทั้งรายได้และกำไร ซึ่งบริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างการมองหาพันธมิตร เพื่อลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต เสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มบริษัทในระยะยาว โดยล่าสุดผลประกอบการประจำปี 2563 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการจำนวน 1,570.3 ล้านบาท เติบโต 120.5% มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัท 149.2 ล้านบาท เติบโต 74.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยสำคัญมาจากการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) และสนับสนุนให้มีการรับรู้รายได้ของ AEC เข้ามาเพิ่มเติมระหว่างเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา และปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการทยอยส่งมอบงานตามแผน นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดประจำปี 2564 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 10 พฤษภาคม 2564 และวันที่จ่ายปันผล 28 พฤษภาคม 2564 ทั้งนี้สิทธิในการได้รับเงินปันผลดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน จนกว่าจะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2564 ที่บริษัทเตรียมจัดประชุมผู้ถือหุ้นผ่านการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) วันที่ 29 เมษายน 2564