ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการพิจารณาของสมาชิกรัฐสภา ก่อนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่...) พ.ศ... ในวาระสาม ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เปิดให้สมาชิกรัฐสภา เพื่อขอให้ที่ประชุมรัฐสภาเสนอความเห็นต่อแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า หลังจากที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว. เสนอญัตติให้รัฐสภาลงมติให้ร่างรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านวาระสอง ตกไป เพราะขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แล้ว นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. อภิปรายสนับสนุนในญัตติดังกล่าว แต่เมื่อถูกทักท้วงว่าการขอให้ลงมติให้ตกไปนั้นไม่สามารถทำได้เพราะรัฐธรรมนูญไม่ให้อำนาจ ทำให้เสนอคำขอแก้ไขเพื่อปรับปรุงญัตติดังกล่าว เป็น ว่า "ให้ที่ประชุมไม่ให้มีการลงมติร่างรัฐธรรมนูญวาระสามโดยเหตุผลขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 4/2564” โดยมีส.ว.รับรองครบตามจำนวน ถือเป็นญัตติที่เสนอเป็นลำดับที่ 3 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ที่เสนอญัตติที่ 4 ขอให้รัฐสภาร่วมกันหาแนวทางปฏิบัติตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ใน 4 แนวทาง คือ 1.รัฐสภาทำหน้าที่ตามหน้าที่และอำนาจต่อการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระสาม ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ลงมติ 2.ให้รัฐสภาชะลอการลงมติ และดำเนินการตามข้อเสนอของสมาชิก 3.ให้รัฐสภาชะลอการพิจารณา เพื่อนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่รัฐสภาพิจารณาไปออกเสียงประชามติ และ 4. ญัตติให้ลงมติโหวตตกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามที่ส.ว.เสนอ โดยนพ.ชลน่าน กล่าวว่า การลงมติวาระ 3 เป็นอำนาจที่รัฐสภาจะดำเนินการตามที่มาตรา 256 กำหนดไว้ ทั้งนี้ตามความเห็นของฝ่ายกฎหมายสำนักงานเลขาธิการสภาฯ เป็นฐานะผู้ให้คำปรึกษาของประธานรัฐสภาเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากความเห็นของสมาชิกรัฐสภา อย่างไรก็ตามตนคิดว่าว่าความเห็นของฝ่ายกฎหมายที่ระบุว่ารัฐสภาลงมติวาระ 3ไม่ได้ เพราะต้องทำประชามติก่อนนั้น เพราะนำถ้อยคำของศาลรัฐธรรมนูญเพียงประโยคเดียวมาตีความ และตนไม่แน่ใจว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบทางกฎหมายหรือไม่ “รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญ โดยจะตั้งส.ส.ร. หรือ ตั้งคณะทำงานได้ ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีเนื้อหาที่ก้าวก่ายการทำหน้าที่ของรัฐสภา ที่มีหน้าที่ตรากฎหมาย รวมถึงรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ผมขอให้รัฐสภาเดินหน้าโหวตวาระสาม เพื่อไม่ปิดกั้นอำนาจประชาชนต่อการลงประชามติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ หากรัฐสภาปิดกั้นผมไม่อยากคิดว่าจะเกิดวิกฤตเหมือนปี 2535”นพ.ชลน่าน กล่าว