เครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี และมูลนิธิคนช่วยคนลงพื้นที่ เตรียมสร้างบ้านพักหลังใหม่ให้ 1หลัง มูลค่า3 แสนบาท ลูกสาวหลั่งน้ำขอบคุณทุกการช่วยเหลือ
จากเรื่องราวของสองสามีและภรรยา คือ นายหมู่หำหมาด สามารถ อายุ 54 ปี และนางอารีย์ สามารถ อายุ54 ปี ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ฐานะยากจน ไร้บ้านของตัวเอง อาศัยบ้านพักสภาพเก่าทรุดโทรม ซึ่งญาติให้อาศัยอยู่ชั่วคราว ในพื้นที่ ริมถนนสายบ้านในสระ-น้ำโครม ม.4 ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ โดยนายหมู่หำหมาดฯ ป่วยมะเร็งปอด ตั้งแต่ปีปลายปี63 มีอาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ ต้องนอนติดเตียงมานานกว่า 6 เดือน ร่างกายซูบผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ล่าสุดพูดไม่ออกจดจำอะไรไม่ได้ ส่วนนางอารีย์ฯภรรยา ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกมาตั้งแต่ปี59 ผ่านการให้คีโมมาแล้ว6 ครั้ง มีอาการปวดทุกข์ทรมานตลอดเวลาจนต้องใช้ยามอร์ฟีนระงับปวดทุกวันไม่สามารถทำงานได้ มีเพียงลูกสาวเพียงคนเดียวคือ นางสาวสุพัตรา สามารถ หรือน้องปีอายุ23 ปี คอยดูแล แม้จะมีงานทำเป็นพนักงานบัญชี แต่ต้องหยุดงานบ่อยครั้งเพื่อดูแลพ่อแม่ รายได้ก็ไม่พียงพอค่าใช้จ่าย
ความคืบหน้าวันที่ 17 มี.ค.64 นายอิสมาแอน หมัดอะด้ำ ประธานสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี และประธานมูลนิธิคนช่วยคน พร้อมด้วย จนท.สถาบันพัฒนาองค์ชุมชน จนท.สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวสองสามีภรรยา โดยมอบถุงยังชีพและเงินบริจาคจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ทางเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฯ ฝั่งอันดามัน และจ.กระบี่ ได้ประชุมหารือร่วมกับ พมจ.กระบี่ นายอารีย์ พวงนุ่น ผญบ.ม.4 และส.อบต.เขาทอง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือในเรื่องที่อยู่อาศัยให้แก่ครอบครัวดังกล่าว ซึ่งที่ประชุมได้มีมติ ให้สร้างบ้านหลังใหม่ในพื้นที่ม.1 ต.เขาคราม ซึ่งอยู่ในที่ดินมรดกของนาย หมู่หำหมาดฯ โดยใช้งบประมาณ3 แสนบาท เป็นบ้านชั้นเดียวขนาด2 ห้องนอน1 ห้องน้ำ ซึ่งจะดำเนินการก่อสสร้างให้แล้วเสร็จภายใน3เดือน
ด้านนางสาวสุพัตรา หรือน้องบีลูกสาวสองสามีภรรยา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ด้วยความีใจ ขอบคุณทุกคน ทุกหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือครอบครัวของตน การที่ได้สร้างบ้านเป็นของตัวเอง เป็นความฝันมานานแล้วหลังเรีบนจบบัญชี ต้องการให้พ่อแม่อยู่สบาย เพราะทั้งสองลำบากมามากแล้ว ตอนนี้ฝันก็เป็นจริงแล้ว หลังจากนี้จะตั้งใจทำงานและทำหน้าที่ดูแลบพ่อแม่ให้ดีที่สุด