“ชวน” ลุยถกวิป 3 ฝ่ายไร้ข้อยุติ โหวตวาระ3แก้รธน. โยนฝ่ายกฎหมายสภาฯหาทางลง “สมชาย” ชี้ช่องให้รัฐสภาลงมติร่างแก้ไขรธน.เป็นโมฆะ “ฝ่ายค้าน”ยืนกรานลุยโหวตวาระ3 รับห่วงเล่นเล่ห์รณรงค์นอนอยู่บ้านล้มประชามติ “วิษณุ” เชื่อโหวตวาระ 3 มีปัญหาแน่ หลังคำวินิจฉัยกลางห้ามแก้ทั้งฉบับ ด้าน “อนุทิน” ปัดจัดตั้งกลุ่มใส่เสื้อ “ภท.” กลับด้าน สกัด “ส.ส.ก้าวไกล” ยื่นหนังสือที่สธ. บอกคงไม่มีใครโง่ทำอย่างนั้น ” บิ๊กตู่” เผยรายชื่อครม.ชุดใหม่ถึงมือครบแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบ บอกอยู่ที่ผมจะตัดสินใจให้ใครนั่งกระทรวงไหน ขณะที่“บิ๊กป้อม” การันตี “ชัยวุฒิ-ตรีนุช” จบสูงมีความรู้ความสามารถนั่งรมต.ย้อนสื่อจบ “ราชภัฏ” จะเอาอย่างไร ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 มี.ค.64 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา เป็นประธานในการประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และส.ว. เพื่อหารือถึงคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการลงมติในวาระ 3 ในวันที่ 17 มี.ค. แต่ปรากฎว่ายังไม่ได้มีข้อยุติ นายชวนจึงได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายสภาฯ ไปพิจารณาอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ นายชวน กล่าวว่า มติเดิมวิป 3 ฝ่าย เดินหน้าลงมติวาระ 3 ได้ ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ข้อเรียกร้องของฝ่ายต่างๆ ก่อนหน้านี้จึงไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของรัฐสภา แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกลางออกมาเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก็ต้องเปลี่ยนแปลง เพราะศาลรัฐธรรมนูญมองว่าการแก้ไขครั้งนี้เป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อถามว่า จะต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อให้มีความชัดเจนอีกครั้งหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการหารือในประเด็นดังกล่าว แต่ช่วงเย็นวันนี้จะมีการหารือกันเป็นการภายในอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถามว่า กระบวนการที่รัฐสภาทำมาถือว่าขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า แนวทางที่รัฐสภาจะปฏิบัติ คือต้องยึดตามกฎหมาย และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร ซึ่งเราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ต้องปฏิบัติตาม ด้าน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล กล่าวว่า ได้สอบถามสภาฯ และส.ว.แล้ว ยังมีความเห็นเป็น 2 ทางคือถ้าให้ลงมติก็อาจจะขัดคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ และถ้าไม่ลงมติในวาระ 3 แล้วเราจะเดินกันอย่างไร เพราะจะนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญออกจากระเบียบวาระก็ทำไม่ได้ หรือถ้าถอนออกเรื่องนี้ก็ยังคาอยู่ และพร้อมที่จะกลับเข้ามาบรรจุในระเบียบวาระใหม่ได้ ดังนั้น ต้องรอนายชวนหารือกับฝ่ายกฎหมายของสภาฯ และส.ว. เพื่อหาแนวทางที่เป็นจุดร่วมกันก่อน วันนี้เราเห็นคำวินิจฉัยกลางของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในข้อที่เดินไม่ได้ แต่สิ่งที่เราจะเดินต่อไปให้พิธีกรรมทั้งหมดครบถ้วนถูกต้องตามตุลาการฯ เราจึงยังไม่มีการตัดสินอย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้น เมื่อถามว่า หากฝ่ายกฎหมายบอกว่าสามารถโหวตวาระ 3ได้ ทางรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร นายวิรัช กล่าวว่า วันนี้เรายังไม่ได้คิดถึงตรงนั้น คิดเพียงแค่ว่าจะโหวตได้หรือไม่ได้ หากโหวตได้แล้วสมาชิกคนใดจะรับผิดชอบในการดำเนินการที่ผิดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะคำวินิจฉัยชัดเจนอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา และเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา หรือวิปวุฒิฯ กล่าวว่า ขณะนี้ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่จะลงมติวาระ 3 ถือว่าเป็นโมฆะไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าดูจากคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นว่าศาลวินิจฉัยชัดเจนว่าครั้งนี้เป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งทำไม่ได้ และศาลยังย้ำถึง 2 ครั้ง ให้รัฐสภาปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด หรือถ้าจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ต้องให้ไปทำประชามติก่อน ดังนั้นทางออกขณะนี้คือหาวิธีให้ร่างแก้ไขดังกล่าวเป็นโมฆะตกไปโดยสมบูรณ์ อาจจะใช้วิธีเสนอเป็นญัตติให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตให้ร่างดังกล่าวตกไปเลยตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรือให้ประธานรัฐสภาใช้ดุลยพินิจชี้ขาดให้ร่างดังกล่าวตกไป ขึ้นอยู่กับที่ประชุมรัฐสภาจะหารือกัน แต่ไม่สามารถแช่แข็งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้ค้างวาระไว้ แล้วไปรอทำประชามติ เพราะร่างดังกล่าวเป็นโมฆะไปแล้ว ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) แถลงว่า ผลการประชุมวิป 3ฝ่าย ให้ฝ่ายกฎหมายสภาฯไปหาทางออก เรื่องคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญ จะสามารถเดินหน้าโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3ได้หรือไม่ ถ้าฝ่ายกฎหมายให้โหวตวาระ3 ได้ ก็เดินหน้าโหวตต่อ แต่ถ้าเห็นว่าไม่สามารถโหวตวาระ3ได้ เชื่อว่าจะมีสมาชิกบางส่วนเสนอให้ถอนวาระร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมออกจากวาระประชุมในวันที่ 17มี.ค. โดยใช้มติของที่ประชุมรัฐสภา แต่ฝ่ายค้านจะสู้เต็มที่ เพื่อให้มีการเดินหน้าโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ไม่เห็นด้วยให้ถอนวาระ ถึงจะแพ้เสียงข้างมากจะรณรงค์ต่อไปว่าหากให้ถอนร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแล้ว จะดำเนินการอย่างไรต่อ จะยกร่างใหม่ได้หรือไม่ และใครจะเป็นคนยกร่างใหม่ ถ้ายกร่างใหม่จะยกร่างใหม่ทั้งฉบับหรือเป็นรายมาตรา ที่สำคัญกลัวว่าเมื่อถอนเรื่องไปแล้ว จะอ้างอิงรัฐธรรมนูญบทใดมายกร่างใหม่ ถ้าไม่มีใครให้คำตอบได้ แสดงว่า การแก้รัฐธรรมนูญจบไม่สามารถเดินได้ ทั้งการยกร่างใหม่ทั้งฉบับและรายมาตรา ฝ่ายค้านยังเชื่อโดยสุจริตใจว่า คำวินิจฉัยกลางศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุให้ทำประชามติก่อนนั้น หมายถึงให้ทำประชามติหลังจากที่มีส.ส.ร.แล้ว ไม่ใช่ทำประชามติก่อนที่จะยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ทำอยู่ในขณะนี้ ฝ่ายค้านยืนยันให้เดินหน้าโหวตวาระ 3 เชื่อว่าเรื่องนี้จะมีการถกเถียงในที่ประชุมรัฐสภา วันที่ 17 มี.ค.อย่างเข้มข้นแน่นอน นายสุทิน กล่าวว่า ส่วนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ในที่ประชุมรัฐสภาวันที่ 17มี.ค.นั้น มีข้อกังวลในเนื้อหากฎหมายที่ระบุว่า การทำประชามติ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติมีจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ ขณะนี้มีผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศ 50 ล้านคน จึงต้องมีผู้มาใช้สิทธิเกิน 25ล้านคน จึงจะทำให้การทำประชามติมีผล ซึ่งเป็นไปได้ยาก กังวลว่าจะเปิดช่องให้ล้มประชามติได้ง่าย ควรแก้ไขใหม่โดยให้ใช้เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเท่านั้น เกรงว่าผู้ที่ไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญอาจไปรณรงค์ให้ประชาชนนอนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องมาใช้สิทธิ ล้มการทำประชามติ จนมีผลกระทบต่อการแก้รัฐธรรมนูญ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ของรัฐสภาว่า แล้วแต่รัฐสภาว่าจะโหวตหรือไม่ และจากการอ่านคำวินิจฉัยกลาง มีประโยคที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากคำวินิจฉัยแรกที่ระบุว่า การแก้หมวด 15/1 เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งประโยคนี้ถือว่ามีนัย และมีความหมาย เมื่อถามว่า การระบุว่ามีความหมายนั้น หมายความว่าถ้าโหวตผ่านวาระ 3 แล้ว จะมีปัญหาใช่หรือไม่ นายวิษณุ พยักหน้า พร้อมกล่าวว่า ใช่ แต่อย่างไรก็ต้องโหวตวาระ 3 อยู่ดี เมื่อถามย้ำว่า ถ้าไม่อยากให้มีปัญหาให้โหวตงดออกเสียงใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่ขอพูดแล้วหละ เดี๋ยวหาว่าส่งซิก” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตนได้อ่านคำวินิจฉัยกลางแล้ว ส่วนจะให้ลูกพรรคโหวตวาระ 3 หรือไม่นั้น พรรคพลังประชารัฐพร้อมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรก็ได้ แต่หากจะโหวตวาระ 3 จะผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จะนำไปหารือในที่ประชุมพรรคช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ เมื่อถามว่า มีกระแสพรรคพลังประชารัฐต้องการยื้อการแก้รัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “จะไปยื้อได้อย่างไร เพราะมันเป็นเรื่องที่ผิดทำไม่ได้ ศาลรัฐธรรมนูญบอกไว้ หากจะสถาปณาทั้งฉบับต้องไปถามประชาชนก่อนว่าให้แก้หรือเปล่า แต่การไปแก้ไขแล้วตั้ง ส.ส.ร.อย่างนี้มันทำไม่ได้” เมื่อถามว่า มีแนวโน้มให้พรรคพลังประชารัฐโหวตวาระ 3 ให้ตกไปก่อนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ไม่มีๆ เมื่อถามอีกว่าจะมีการเปลี่ยนแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราหรือไม่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตอบว่า “ได้เลย เพราะเป็นเรื่องของรัฐสภาอยู่แล้ว และในการแก้รายมาตรารัฐสภาก็แก้ได้อยู่แล้ว” เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังยืนยันจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญต่อไป พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็แล้วแต่พรรคร่วมเพราะเป็นเรื่องของแต่ละพรรคจะพิจารณา เพราะจะไปเดินหน้าได้อย่างไร การแก้ไขต้องตั้งส.ส.ร.เพื่อแก้ไขทั้งฉบับจะไปทำได้อย่างไร เมื่อถามว่า เมื่อเป็นเช่นนี้วาระ 3 จะให้โหวตตกเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ยังไม่รู้ บ่ายนี้ต้องรอฟังเสียงส.ส.ในการประชุมพรรคเสียก่อนซึ่งจะมีความชัดเจนออกมา พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีรายชื่อรัฐมนตรีที่จะมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของพรรคให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหมว่า เรียบร้อยตั้งนานแล้ว เมื่อถามว่า นายกฯ โอเครายชื่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องไปถามนายกฯ แต่นายกฯ ไม่เห็นส่งกลับมา เมื่อถามว่า หลายคนมองว่าที่มีรายชื่อ นางสาวตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว ในการปรับครม.ครั้งนี้ เพราะรู้จักเป็นการส่วนตัว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมจะรู้เรื่องอะไร เทียนทอง ผมรู้จักแต่นายเสนาะ คนเดียว ผมยังไม่รู้จักคุณตรีนุชเลย เมื่อถามว่า ไม่เกี่ยวกับนายเสนาะ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ไปเกี่ยวได้อย่างไร ความรู้ความสามารถเขาดี เมื่อถามว่า ความรู้ความสามารถของนางสาวตรีนุช เหมาะนั่งกระทรวงไหน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนจะไปรู้ได้อย่างไร ต้องไปถามนายกฯ เมื่อถามว่า นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคพปชร. เหมาะสมอย่างไร พล.อ.ประวิตร ได้ตอบว่า นายชัยวุฒิจบวิศวะจุฬาฯ พร้อมย้อนถามสื่อว่า “คุณจบอะไร คุณจบมหาวิทยาลัยราชภัฏ แล้วจะเอาอย่างไร” ทั้งนี้ ก่อนที่พล.อ.ประวิตร ขึ้นรถยนต์จากตึกบัญชาการ 1 ไปยังตึกสันติไมตรี เพื่อร่วมประชุม ครม. ก็ได้ชี้แจงประเด็นที่ถามสื่อจบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏว่า “ไม่ว่าจะจบราชภัฏ หรือจบที่ไหนทุกคนก็มีความสามารถด้วยกันทั้งนั้น” ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์​ กล่าวถึงการส่งรายชื่อในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้แก่นายกรัฐมนตรี ว่า ได้ส่งไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรายชื่อเป็นไปตามมติของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหาร และส.ส.ของพรรค จากนี้เป็นดุลพินิจของนายกฯที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ ได้คุยกับนายกฯ เพื่อทบทวนแล้ว และนายกฯได้แจ้งให้ไปดำเนินการ ซึ่งพรรค ปชป.ได้ไปดำเนินการจนได้ตัวบุคคลมาแล้ว ตนได้นำชื่อส่งให้นายกฯแล้ว จากนี้เป็นขั้นตอนที่นายกฯ จะดำเนินการ เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐ แล้วหรือไม่ ถึงการสลับเก้าอี้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยฯ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องสลับกระทรวงได้ให้ความเห็นเบื้องต้นส่วนตัวไปกับนายกฯว่า ถ้าเป็นไปตามเดิมจะดีที่สุด แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลพินิจนายกฯ เพราะเราต้องเคารพในฐานะที่ท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาล ตนได้แจ้งไปแล้วว่าเป็นกระทรวงเดิมที่เป็นอยู่ เมื่อถามว่า หากเป็นการสลับให้พรรคเดียวดูกระทรวงเดียวจริงจะอธิบายกับประชาชนอย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นสิ่งที่ตนได้อธิบายกับนายกฯไปว่าหากเป็นไปตามเดิมจะดีที่สุด เพราะการผสมผสานระหว่างพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทำงานในกระทรวงเดียวกันสามารถบริหารจัดการ และทำงานได้เป็นอย่างดี เช่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จากพรรคภูมิใจไทยก็ช่วยงานตนเป็นอย่างดี เราทำงานกันไม่ได้มีปัญหาอะไร การแบ่งงานตนก็แบ่งให้รัฐมนตรีช่วยมากพอสมควร กระทรวงพาณิชย์มีทั้งหมด 7 กรม ตนก็ให้รัฐมนตรีช่วยฯดูทั้งหมด 3 กรม และให้ดูองค์การมหาชน 3 องค์การ ตนก็มอบให้ดู ส่วน 1 รัฐวิสาหกิจ ตนดู เท่ากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดูทั้งหมด 4 กรม 1 รัฐวิสาหกิจ ส่วนรัฐมนตรีช่วยดู 3 กรม 3 องค์การมหาชน ถือว่าทำงานร่วมกันได้ด้วยดี แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดอยู่ที่ดุลพินิจของนายกฯ ซึ่งตนให้เกียรติท่านในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เมื่อถามว่า ในอดีตเคยมีหรือไม่ที่เป็นพรรคเดียว กระทรวงเดียว นายจุรินทร์ กล่าวว่า ก็มีมาทั้ง 2 รูปแบบ ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อของว่าที่รัฐมนตรีใหม่ ว่า “วันนี้ผมก็ได้รายชื่อมาครบทั้งหมดแล้วอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบซึ่งต้องใช้เวลาอีกซักระยะหนึ่ง จากนั้นก็จะดำเนินการให้จบสิ้นโดยเร็วก็คงต้องรอให้ครบขั้นตอนทั้งหมดก่อน แต่ละพรรคได้เสนอเข้ามาแล้ว แต่จะอยู่กระทรวงไหนก็เป็นเรื่องของผมที่จะตัดสินใจความเหมาะสม และการหารือต่างๆ จากนั้นก็เป็นขั้นตอนการดำเนินการโดยรับฟังข้อคิดเห็นจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เพราะเราต้องไปด้วยกัน” เมื่อถามว่า สัปดาห์นี้จะได้เห็น ครม.ชุดใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็จะครบขั้นตอนเมื่อมีการถวายสัตย์ฯ เดี๋ยวสื่อก็รู้ก่อนอยู่แล้ว” ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกลุ่มคนใส่เสื้อพรรคภูมิใจไทยกลับด้าน ไปต่อต้านการยื่นหนังสือของ ส.ส.พรรคก้าวไกลที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขว่า ตนเองเพิ่งทราบเรื่อง ตนมาประชุมครม.ที่ทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เช้า ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเสียงวิจารณ์ว่าพรรคภูมิใจไทยจัดตั้งกลุ่มคนขึ้นมาเพื่อสกัดการยื่นหนังสือของ ส.ส.พรรคก้าวไกลที่จะมียื่นเรื่องร้องต่อกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน กล่าวว่า จริงอย่างนั้นหรือ ตนไม่ทราบเรื่อง เพราะมาประชุม ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เช้า ได้อ่านข่าว ยังไม่รู้อะไรเป็นอะไร คงต้องโทรศัพท์ไปสอบถามก่อน พรรคภูมิใจไทยจะมีปัญญาไปจัดอะไร หัวหน้าพรรคอยู่ตรงนี้ จะไปจัดอะไร เมื่อถามย้ำว่า มองว่าการสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทยกลับด้าน มากระทำการเช่นนั้น เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ทำไมไม่มองว่าคนอื่นมาจัด ทำลายพรรคภูมิใจไทยบ้างหล่ะ มีใครโง่ขนาดนั้น”