เมื่อวันที่ 16 มี.ค.เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา เป็นประธานในการประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว. เพื่อหารือถึงคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการลงมติในวาระ 3 ในวันที่ 17 มี.ค. แต่ปรากฎว่ายังไม่ได้มีข้อยุติ นายชวนจึงได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายสภาฯไปพิจารณาอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ โดยนายชวน กล่าวว่า มติเดิมวิป 3 ฝ่ายเดินหน้าลงมติวาระ 3 ได้ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ข้อเรียกร้องของฝ่ายต่างๆ ก่อนหน้านี้จึงไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของรัฐสภา แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกลางออกมาเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก็ต้องเปลี่ยนแปลง เพราะศาลรัฐธรรมนูญมองว่าการแก้ไขครั้งนี้เป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อถามว่าจะต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อให้มีความชัดเจนอีกครั้งหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการหารือในประเด็นดังกล่าว แต่ช่วงเย็นวันนี้จะมีการหารือกันเป็นการภายในอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถามว่ากระบวนการที่รัฐสภาทำมาถือว่าขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า แนวทางที่รัฐสภาจะปฏิบัติ คือต้องยึดตามกฎหมาย และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร ซึ่งเราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ต้องปฏิบัติตาม ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาล กล่าวว่า ตนได้สอบถามสภาฯ และ ส.ว.แล้วยังมีความเห็นเป็น 2 ทางคือถ้าให้ลงมติก็อาจจะขัดคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ และถ้าไม่ลงมติในวาระ 3 แล้วเราจะเดินกันอย่างไร เพราะจะนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญออกจากระเบียบวาระก็ทำไม่ได้ หรือถ้าถอนออกเรื่องนี้ก็ยังคาอยู่ และพร้อมที่จะกลับเข้ามาบรรจุในระเบียบวาระใหม่ได้ ดังนั้น ต้องรอนายชวนหารือกับฝ่ายกฎหมายของสภาฯ และส.ว. เพื่อหาแนวทางที่เป็นจุดร่วมกันก่อน วันนี้เราเห็นคำวินิจฉัยกลางของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในข้อที่เดินไม่ได้ แต่สิ่งที่เราจะเดินต่อไปให้พิธีกรรมทั้งหมดครบถ้วนถูกต้องตามตุลาการฯ เราจึงยังไม่มีการตัดสินอย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้น เมื่อถามว่า หากฝ่ายกฎหมายบอกว่าสามารถโหวตวาระ 3ได้ ทางรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร นายวิรัช กล่าวว่า วันนี้เรายังไม่ได้คิดถึงตรงนั้น คิดเพียงแค่ว่าจะโหวตได้หรือไม่ได้ หากโหวตได้แล้วสมาชิกคนใดจะรับผิดชอบในการดำเนินการที่ผิดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะคำวินิจฉัยชัดเจนอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว ขณะที่นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา และเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา หรือวิปวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่จะลงมติวาระ 3 ถือว่าเป็นโมฆะไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าดูจากคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นว่าศาลวินิจฉัยชัดเจนว่าครั้งนี้เป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งทำไม่ได้ และศาลยังย้ำถึง 2 ครั้งให้รัฐสภาปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด หรือถ้าจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ต้องให้ไปทำประชามติก่อน ดังนั้นทางออกขณะนี้คือหาวิธีให้ร่างแก้ไขดังกล่าวเป็นโมฆะตกไปโดยสมบูรณ์ อาจจะใช้วิธีเสนอเป็นญัตติให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตให้ร่างดังกล่าวตกไปเลยตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรือให้ประธานรัฐสภาใช้ดุลยพินิจชี้ขาดให้ร่างดังกล่าวตกไป ขึ้นอยู่กับที่ประชุมรัฐสภาจะหารือกัน แต่ไม่สามารถแช่แข็งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้ค้างวาระไว้ แล้วไปรอทำประชามติ เพราะร่างดังกล่าวเป็นโมฆะไปแล้ว