สมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกับชมรมผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์แห่งประเทศไทย (Thai CML Patient Group) ประชุมเสวนาเชิงวิชาการ “จะต้องไม่มีผู้ป่วยCMLคนไหนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”
ศ.เกียรติคุณ พญ.แสงสุรีย์ จูฑา ประธานชมรมโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์ แห่งประเทศไทย (Thai CML Working Group) เผยผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์ (Chronic Myelogenous Leukemia; CML) จะมีความผิดปกติทางโครโมโซมที่จำเพาะ
คือ มีโครโมโซมคู่ที่ 22 ที่มีส่วนของโครโมโซมคู่ที่ 9 อยู่ด้วยเรียกว่า ฟิลาเดลเฟียโครโมโซม ทำให้เกิดสารทางพันธุกรรมbcr-ablซึ่งตรวจพบได้โดยตรวจวินิจฉัยยีน (RQ-PCR) ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคนี้ โดยผู้ป่วยจะมีความผิดปกติทางเลือด คือ มีโลหิตจาง เม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติ และม้ามโต
ปัจจุบันมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจะพบผู้ป่วยตั้งแต่อายุ 15–50 ปี ประมาณ 90% และในผู้ป่วยอายุมากกว่า 50% ปี ประมาณ 10% โดยในประเทศไทยพบว่า มีผู้ป่วยราว 1–2 คน ต่อประชากรแสนคน
จีระพล ไชยมงคล ประธานชมรมผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์แห่งประเทศไทย (Thai CML Patient Group) กล่าวว่า ในปัจจุบัน ผู้ป่วยระยะเรื้อรังหากได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ รับประทานยาสม่ำเสมอ ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ ผู้ป่วยก็มักเข้าสู่ระยะที่โรคสงบและสามารถจะมีชีวิตเหมือนคนปกติได้
แต่สิทธิในการรักษาในปัจจุบันนั้นครอบคลุมเพียงระยะเรื้อรัง แต่ยังไม่ครอบคลุมระยะลุกลามและเฉียบพลัน จึงส่งผลให้ผลการรักษาไม่ค่อยดีนักและอาจทำให้เกิดการลุกลามของโรคได้
ฐิชารัศม์ มณีศรีธนนท์ ตัวแทนผู้ป่วยซึ่งจัดอยู่ในระยะลุกลามเผยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว พบว่าตนเองเป็น ซึ่งขณะนั้นยังไม่รู้จักโรคนี้มากนัก จึงเริ่มรักษาตามอาการเท่านั้น แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นและมีแนวโน้มกำเริบอยู่เรื่อยมา
ต่อมาแพทย์จึงได้ส่งตัวมาเพื่อรักษารพ.รามาธิบดี ด้วยสิทธิประกันสังคม และพบว่าตนเองเป็นผู้ป่วยที่จัดอยู่ในระยะเฉียบพลัน จึงไม่สามารถรับยารักษาตามเงื่อนไขประกันสังคมได้ ซึ่งการที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่เริ่มต้น ได้กระทบต่อการกำเริบของโรคและการดำเนินชีวิตของตนเละครอบครัวอย่างมาก
จึงอยากให้เรื่องราวของตนกลายเป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างที่จะให้เพื่อนๆ ผู้ป่วยฯ ภาครัฐ ภาคเอกชนหันมาสนใจ และร่วมมือกันผลักดันให้เกิดแนวทางที่ดูแลผู้ป่วยฯ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น และพร้อมทำประโยชน์ให้สังคมต่อไป