ชาวตราดและชาวเกาะช้างออกตัวคัดค้านการนำเจ็ทสกีเข้ามายังอำเภอเกาะช้างและเกาะอื่นๆหลังจังหวัดตราดไฟเขียวให้สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจ.ตราดร่วมกับสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยทำโครงการสำรวจเส้นทางระบุทำลายกติชุมชน ด้านกรรมการสมาคม,ผู้ประกอบการอีกหลายคนและหลายองค์กรไม่เห็นด้วย ชี้ทำลายยุทธศาสตร์จังหวัดที่ยกให้ตราดเป็นกรีนซิตี้
หลังจากสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจ.ตราดได้นำเจ็ทสกีเกือบ 100 คันเดินทางจากจังหวัดจันทบุรีและเข้ามาเทียบท่าที่หน้าโรงแรมเมอร์เคียว ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราดเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสการต่อต้านของชาวเกาะช้างจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีเสียงสนับสนุนด้วยนั้น
นายกำพล เจริญขจรกุล ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดตราด ที่เป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้นั้น เปิดเผยว่า โครงการนี้ได้มีการประสานงานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานเจ้าท่าตราด และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างแล้ว ซึ่งเห็รด้วย โดยเหตุผลที่นำกลุ่มเจ็ตสกีมาครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับผู้ประกอบการบนเกาะช้างที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามา การที่กลุ่มเจ็ทสกีเข้ามาท่องเที่ยวในอำเภอเกาะช้าง ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีฐานะจะนำเงินมาใช้จ่ายในพื้นที่ สร้างรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระจายไปยังชุมชนด้วย เพราะการเดินทางมาแต่ละครั้งนั้น จะมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมด้วย
นายกำพล กล่าวว่า ส่วนกระแสที่มีการต่อต้านและมองว่าเป็นการทำลายกติกาที่สังคมในอำเภอเกาะช้างได้ทำข้อตกลงกันไว้ ทางสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจ.ตราดได้ประชุมร่วมกับชุมชนแล้ว และได้รับการตอบรับด้วยดี ซึ่งการดำเนินการจะทำในลักษณะโซนนิ่งไม่ให้รบกวนนักท่องเที่ยว รวมทั้งที่กังวลว่าจะมีคาบน้ำมัน หรือเสียงดังรบกวนนั้น ไม่มีแน่นอนเพราะเจ็ตสกียุคปัจจุบันเสียงไม่ดัง และเป็นระบบเจ็ทที่ไม่ใช่น้ำมัน จึงไม่น่าเป็นห่วงในเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการละเมิดกติกาสังคม เพราะคนที่ขับขี่ล้วนแล้วเป็นผู้มีฐานะทางสังคมสูง
จากการดำเนินโครงการดังกล่าว ทำให้มีชาวอำเภอเกาะช้างออกมาแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการดังกล่าว นอกเหนือจากการทำลายกติกาสังคม และเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวแล้ว สื่อออนไลน์ในอำเภอเกาะช้าง เช่น เสียงชาวเกาะ ได้ลงในเพจข่าว ว่า “ทีมข่าวได้ทราบข้อมูลมาแว่วๆ จะจริงหรือเท็จแค่ไหน? แต่อยากจะตั้งคำถามว่า ตามที่จะมีการสำรวจเส้นทางเจ็ตสกรีมายังแหล่งท่องเที่ยวเกาะช้าง โดยจะมีการอ้างถึงประโยชน์ที่จะได้รับสารพัด!! อย่าลืมว่าจะต้องมึการวิเคราะห์ให้ดีด้วยว่า เมื่อเกิดขึ้นจริงใครจะได้?ใครจะเสีย?ประโยชน์ ถ้าหากมีการให้นทท.นำเจ็ตสกรีมาวิ่งในทะเลย่านแหล่งท่องเที่ยวเกาะช้าง จ.ตราด
ที่แน่ๆส่วนที่เกี่ยวข้องที่เห็นดีเห็นงามจงโปรดย้อนกลับไปตรวจสอบข้อมูลจากอำเภอและผู้นำชุมชนด้วยว่าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา คนในพื้นที่เกาะช้างส่วนใหญ่!!เขาไม่ต้องการให้มีเจ็ตสกรี!!โดยต้องการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนแบบโลว์คาร์บอน และเมื่อชาวบ้านได้เห็นมีการนำเจ็ตสกรีเข้ามาในพื้นที่ชาวบ้าน จะแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานฯและฝ่ายปกครอง ออกตรวจสอบพร้อมกับห้ามไม่ให้ใช้เจ็ตสกรีในพื้นที่ทันที”
ซึ่งมีผู้ที่เป็นแฟนเพจได้แสดงความคิดเห็นหลายคน เช่น คนส่วนใหญ่บนเกาะช้างทำประมงค่ะ เราสามารถยืนที่ชายหาดแล้วตกปลากระบอกได้ ตอนมีโควิดระบาดแบบนี้ เราไม่มีรายได้ แต่เราก็สามารถหาวัตถุดิบจากทะเลได้ ถ้ามีเจ๊ตสกีเข้ามา ระบบนิเวศตรงนี้จะเสียหายมากนะคะ (ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ)
อีกคนระบุว่า รกสายตา มลภาวะทางสายตา ทำลายระบบนิเวศน์ วิ่งกันน้ำกระจาย ปลาเล็กปลาน้อยกระทบแน่นอน กระจายรายได้เท่าไหร่ก็ไม่รู้ เพราะได้แค่บางเจ้า ได้คุ้มเสียหรือไม่ ใครที่ได้ประโยชน์ คนที่ได้แน่ๆคือ ความสนุกของคนขี่เจ็ตสกี
หรือชาวเกาะช้างชี้ว่า มลพิษทางเสียงก็ถือเป็นมลพิษนะคะ คนเที่ยวทะเลตราด น่าจะต้องการความสงบ ไม่เหมือนทะเลที่อื่น ที่เขามีกิจกรรมรกสายตา รกหูอยู่บ้างล่ะค่ะ ประสบการณ์เที่ยวทะเล ก็มีความแตกต่างกันได้ ไม่จำเป็นว่า ที่หนึ่งมีอะไร ก็ต้องมีเหมือนกันไปหมดนะคะ
หรืออีกคน ระบุทำนองเดียวกันว่า “ถ้ายืนยันว่าไม่ก่อควันเขม่า แต่มันก็ยังก่อมลภาวะทางเสียงค่ะ เลี่ยงไม่ได้ ทั้งคนทั้งสัตว์ บก น้ำ อากาศ รำคาญ หงุดหงิด แตกกระเจิงหมด ต่อไปจะเอาอะไรในทะเลที่ดีงามไว้ให้ชม คิดดันเศรษฐกิจต้องคิดครอบคลุมสิ่งแวดล้อมด้วยนะคะ คนพื้นที่ก็ยืนยันว่าไม่เอาแต่ทำไมอยากยัดเยียดให้”
รวมทั้งผู้ประกอบการบนเกาะหวาย แสดงความเห็นว่า “กลับมาอีกครั้งกับ การท่องเที่ยวของเจ็ตสกี เมื่อหลายปีก่อนก็พูดแบบนี้แหละครับ ผมจำได้ ที่เกาะหวาย รับปากดิบดี ว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอมาจริงๆกลับคุมกันเองไม่ได้ จนเป็นข่าวดังไปทั้วประเทศ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง - Mu Ko Chang National Park ว่าไงครับกับ เรื่องนี้ ข่วยตอบหน่อยครับ เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนของทะเล ท่านคิดแบบไหน?
ส่วนรายนี้ เห็นด้วย โดยสะท้อนว่า ก็ดีก็กว่าไม่เอาเลยต้องค่อยเป็นค่อยไปตอนนี้ฟรั่งก็ไม่มี ไทยก็ต้องเที่ยวไทยอย่ามัวเกียงหันเลยก็มจะแห้งตายกันหมดแล้วโรงแรมบ้านพักก็จะปิดกิจการกันหมด รายได้ไม่พอจ่ายถาษีค่าคนงานค่าไฟ... งานนี้ไทยไม่เที่ยวไทย.... ก็คงเจ๊งแน่ๆ
ส่วนกรรมการของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจ.ตราดคนสำคัญคนหนึ่ง เปิดเผยว่า โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะให้เจ๊ตสกีเข้ามาวิ่งในอำเภอเกาะช้าง และอำเภอเกาะกูด เนื่องจากที่ผ่านมา อดีตนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจ.ตราดก็เป็นแกนหลักในการทำกติกาสังคมไม่เอาเจ็ทสกีมาวิ่งในอำเภอเกาะช้าง และอำเภอเกาะกูด แต่ที่ทราบก็เพราะมีกรรมการสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจ.ตราดไปดำเนินการ ซึ่งหลายคนก็ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการทำลายการท่องเที่ยวของจังหวัดตราดในระยะยาว ซึ่งต่อไปเมื่อให้เจ็ตสกรีเข้ามาวิ่งในจังหวัดตราดแล้วใครจะมาควบคุมให้เป็นไปตามข้อตกลงหรือข้อกฏหมาย
ส่วนอดีตนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจ.ตราดคนหนึ่งระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นเรื่องที่กรรมการสมาคมฯชุดใหม่ได้ดำเนินการ ซึ่งน่าจะมีเหตุผลประกอบที่สมเหตุสมผล เพราะที่ผ่านมา การทำข้อตกลงก็ทำมานานกว่า 10 ปีแล้ว สังคมอาจจะเปลี่ยนแปลงไป แต่การทำโครงการอะไรต้องถามสังคมในพื้นที่ก่อนว่า เขาเห็นด้วยหรือไม่ หากเห็นด้วยก็จบ ซึ่งก็ต้องยอมรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยเช่นกัน ซึ่งวันนี้ได้ออกมาจากการเป็นกรรมการแล้ว ไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเพราะอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นได้
ล่าสุด มีกลุ่มชาวเกาะช้าง กลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยได้ตั้งแคมเปญล่ารายชื่อ”ร่วมคัดค้านการมีเจ็ตสกีบนเกาะช้าง” ซึ่งเป็นการลงชื่อแบบออนไลน์และเริ่มผู้เข้ามาลงชื่อคัดค้านเพิ่มมากขึ้น โดยมีแกนนำในอำเภอเกาะช้าง และอำเภอเกาะกูดร่วมดำเนินการในเรื่องนี้ และเมื่อมากเพียงพอแล้วจะนำมายื่นให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดตราดต่อไป …






