กรมควบคุมโรคระบุยอดฉีดไปแล้วกว่าครึ่งแสน ใน 13 จว. โดย 10 จว.ฉลุยเกินเป้า เหลือ สมุทรสาคร ปทุมฯ กทม.ยังที่ต่ำกว่าเป้ามาก ชี้กรณีวัคซีนที่ต่างชาติพบลิ่มเลือดอุดตัน โอกาสคนไทยเป็นน้อยมาก ขณะสัปดาห์หน้านำเรื่องวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าที่หยุดฉีดไปเข้าที่ประชุมใหญ่คณะแพทย์เพื่อฉีดต่อ หลัง 2 หน่วยงานโลกยืนยันความปลอดภัย ขณะเสาร์หน้านี้วัคซีนจากจีนมาอีก 8 แสนโดส เจาะใน 3 จังหวัด สมุทรสาคร ปทุมฯ และกทม. เมื่อวันที่ 14 มี.ค.64 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวถึงความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไทยว่า อัพเดตฉีดวัคซีนวันที่ 14 มี.ค. ฉีดเพิ่มเติมไป 554 ราย ขณะผู้ได้รับวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-13 มี.ค.ฉีดไปแล้ว 44,963 ราย เกือบทั้งหมด 13 จังหวัดฉีดได้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 3 จังหวัดคือ สมุทรสาคร ปทุมธานี และกทม. ที่ยังฉีดได้ค่อนข้างน้อย ส่วนอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีน ยังไม่พบมีรายใดที่อาการรุนแรงจากวัคซีน เชื่อมั่นว่าวัคซีนที่ฉีดไปกว่าครึ่งแสนรายมีความปลอดภัย รายที่มีอาการเล็กน้อยเพียงแค่ร้อยละ 9 ถือว่าไม่เป็นปัญหา ส่วนประเด็นกรณีประเทศทางยุโรปรายงานลิ่มเลือดอุดตัน จากวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ชาวเอเชียจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าชาวยุโรป ที่พบบ่อยคือชาวยุโรปที่ นั่งเครื่องบินนานๆ จะมีอาการหลอดเลือดอุดตันที่ขา ภาพรวมความเสี่ยงคน 1 ล้านคน มีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันมีประมาณ 10 คน โดยจะเป็นเกล็ด ก้อนเลือด ไปอุดตันที่ปอดได้เป็นอันตราย หากมีความกังวลเ เทียบกรณีการฉีดวัคซีนให้กับ 3 ล้านคน โอกาสเกิดได้ประมาณ 30 คน ซึ่งเป็นตัวเลขยกตัวอย่าง ถ้าไม่ได้ฉีดวัคซีน โอกาสความเสี่ยง 3 ล้านคน ที่จะเป็นโรคนี้ก็ยังอยู่ที่ 30 คน คือถ้าไม่ฉีดก็ต้องเกิด ซึ่งการเกิดลิ่มเลือดในตัวเลข 30 คนก็ถือว่าเป็นปกติ แต่ถ้าฉีดแล้วอาการลิ่มเลือดอุดตันเพิ่มเป็น 2 เท่า ถือว่าผิดปกติจะต้องค้นหาสาเหตุ กรณีหลังฉีดแล้วอาการไม่พึงประสงค์ เวลาฉีดอาการพึงประสงค์ คือเกิอภูมิต้านทาน ไม่พึง ประสงค์ ปวดแขนปวดเมื่อย แบ่งเป็นรุนแรง ไม่รุนแรงจะหายไปได้เอง แต่ให้ระมัดระวัง ซึ่ง ตอนนี้มี 8- เปอร์เซ็นต์ถือว่าไม่ปกติ อาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ผื่นขึ้น ที่จำง่ายๆ คือรุนแรงต้องรักษา นอนรพ. และเสียชีวิต ขณะนี้อาการไม่พึงประสงค์จะต้อเข้าคณะกรรมการสอบสวน จะสอบ 4 อย่าง 1.ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน 2.เกี่ยวข้องกับวัคซีน จะแบ่งเป็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งจะฉีดวัคซีนเป็นปกติ เหตุการณ์ที่รุนแรง จะหยุดฉีดรุนที่ผลิต,หยุดฉีดสถานที่นั้น,ปรับปรุงแก้ไข และเหตุการณ์ไม่ปกติรุนแรง จะหยุดฉีดวัคซีนทั้งหม นพ.โอภาสยังกล่าวถึงกรณีฉีดวัคซีนอสตร้า ว้นศุกร์แล้วชะลอไปว่า ทางผู้เชี่ยวชาญได้ติดตามข้อมูลหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องระดับโลก ยืนยืนว่า วัคซีนแอสตร้าฯปลอดภัยไม่เกี่ยวข้องหรือทำให้เกิดภาวะลิ่มเลอด มีเกิดเฉพาะที่เดนมาร์ก ส่วนที่อื่นๆ ไม่เกิด ซึ่งองค์การอนามัยโลก องค์กาารแพทย์ยุโรปได้ให้ฉีดต่อไป ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะนำเรื่องเข้าคณะอาจารย์แพทย์ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็จะเดินหน้าฉีดต่อไป ส่วนกำหนดแผนการวัคซีนล็อตใหม่นั้น ตามแผนฉีด ผ่านไปได้สองสัปดาห์ภาพรวมแผนใน13 จังหวัด พบมี 10 จังหวัดที่เกินแผน เหลือ 3 จังหวัดคือ กทม. สมุทรสาคร ปทุมธานีที่จะต้องเร่ง สัปดาห์หน้าจะทยอยฉีดเข็มสอง และทางวัคซีนซิโนแวค จะเพิ่มเติมมาให้ไทยอีก 8แวยโดส มาถึงในวันเสาร์ที่ 20 มี.ค.นี้ ซึ่งจากที่ฉีดไปก่อนหน้า พบอาการรุนแรงไม่มีปัญหาอะไร เมื่อมาถึงจะมีขั้นตอนตรวจสอบจากอย. จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตามขั้นตอน และนำฉีดให้ประชาชนต่อไป กลุ่มเป้าหมายต่อไปคือ พื้นที่ยังพบการติดเชื้อคือ สมุทรสาคร ปทุมธานี และกทม. โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาการให้สามารถฉีดนอกพื้นที่โรงพยาบาลได้ เป็นการขยายการฉีดเพิ่มเติม