ผู้เชี่ยวชาญชี้ฝุ่นพิษกระหน่ำเหนือต่อเนื่อง ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานโลกทุกพื้นที่ถึง 4 เท่า นานนับเดือนที่พี่น้องชาวเชียงใหม่สูดอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นพิษ เหตุหลักจากเผาป่า เผานา ข้าวโพด พืชหมุนเวียน และเพื่อนบ้านเผา ห่วง 4 กลุ่มเสี่ยงดูแลสุขภาพ งดทำกิจกรรมกลางแจ้ง
วันนี้ (13 มี.ค. 64) สถานการณ์ฝุ่นควันและปัญหาคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่ในระดับที่ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง โดยสภาพตัวเมืองเชียงใหม่ยังถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันสีขาวหนาทึบติดต่อกันนานนับสัปดาห์แล้ว ซึ่งเช้านี้ดาวเทียมตรวจพบจุดความร้อนจากการเผาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพียง 16 จุดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม พบว่าพื้นที่โดยรอบพบจุดความร้อนจำนวนมากโดยเฉพาะในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ข้อมูลคุณภาพอากาศเว็บไซต์ https://www.iqair.com ที่รายงานคุณภาพอากาศจากเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลก พบว่าเมื่อเวลา 11.00 น. จังหวัดเชียงใหม่มีค่ามลพิษอากาศสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีค่าดัชนีคุณภาพอากาศ 229 US AQI และค่า PM 2.5 อยู่ที่ 179.1ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนอันดับ 1 เมืองเสิ่นหยาง ประเทศจีน ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ 302 US AQI และอันดับ 3 เมืองริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ 261 US AQI
ขณะที่รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ จากสถานีตรวจวัดในพื้นที่ตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ และตำบลสุเทพ อำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าค่าฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง เมื่อเวลา 09.00 น. อยู่ที่ 101ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ 88 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 211, 210 และ 195 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100 ซึ่งภาพรวมคุณภาพอากาศถือว่าอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมีการแจ้งเตือนประชาชนให้งดออกทำกิจกรรมนอกอาคารและสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง โดยกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยเรื้อรังโรคทางเดินหายใจต้องดูแลเป็นพิเศษ
รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญงานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเกษตร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุ “เช้านี้ (13 มี.ค.64) ฝุ่นพิษ PM2.5 (สารก่อมะเร็งกลุ่ม 1) ยังคงกระหน่ำภาคเหนือต่อเนื่อง ค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐานองค์การอนามัยโลกทุกพื้นที่ (ภาพที่ 2) เชียงใหม่ค่าฝุ่นพิษสูงเกินระดับปลอดภัยอย่างน้อย 4 เท่า! ติดต่อกันหลายวัน และ 30 วันติดต่อกันที่ชาวเชียงใหม่ไม่มีอากาศสะอาดให้หายใจ (ภาพที่ 1) สาเหตุหลักมาจากฝุ่นพิษจากการเผาในพื้นที่ป่าตามด้วยการเผาในภาคเกษตรทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะเมียนมาร์ที่เมื่อวานมีจุดความร้อนที่รายงานโดย GISTDA มีค่าสูงถึง 4,753 จุด
ภาพที่ 3 บ่งชี้ให้เห็นว่าสัดส่วนจุดความร้อนจากการเผาในพื้นที่ป่าได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งพบมากในพื้นที่ภาคเหนือโดยเพิ่มจาก 37% เป็น 63% ของจำนวนจุดความร้อนทั้งหมดในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ตามลำดับ ขณะที่ถ้าพิจารณาเฉพาะเดือนมีนาคม สัดส่วนจุดความร้อนจากการเผาในพื้นที่ป่าสูงถึง 77 % ของจำนวนจุดความร้อนทั้งหมด โดยภาพรวมตั้งแต่ 1 มกราคม – 12 มีนาคม 2564 สัดส่วนจุดความร้อนจากการเผาในพื้นที่ป่าเท่ากับ 61% ตามด้วยนาข้าว 15% ข้าวโพดและไร่หมุนเวียน 5% และอ้อย 4% โดยรวมจุดความร้อนในพื้นที่เกษตรได้ลดสัดส่วนลงจาก 54% ในเดือนมกราคม เป็น 32% ในเดือนกุมภาพันธ์ และ 33% ในเดือนมีนาคม การแก้ปัญหามลพิษทางอากาศจากการเผาในที่โล่งแจ้งทั้งเกษตรและพื้นที่ป่าคงต้องดูมิติของเวลาในแต่ละเดือนที่มีแหล่งกำเนิดต่างกันด้วย
รักษาสุขภาพกันนะครับ กลุ่มเสี่ยง เด็ก คนสูงวัย และสตรีมีครรภ์ ควรงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง และใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านนะครับ



