จากกรณีการเลื่อนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะประเดิมเป็นเข็มแรก ว่า ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ได้มีการรายงานผลข้างเคียง หรืออาการไม่พึงประสงค์ จนให้ชะลอฉีดไป 2 สัปดาห์ ในช่วงเช้าวันนี้ (12 มี.ค.) ได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ล่าสุด รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า..สถานการณ์ทั่วโลก 12 มีนาคม 2564...ทะลุ 119 ล้านไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 478,346 คน รวมแล้วตอนนี้ 119,045,435 คน ตายเพิ่มอีก 10,026 คน ยอดตายรวม 2,639,736 คน อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 62,769 คน รวม 29,909,515 คน ตายเพิ่มอีก 1,684 คน ยอดตายรวม 543,305 คน อีกสองวันจะมียอดติดเชื้อรวมแตะสามสิบล้านคน อินเดีย ติดเพิ่ม 21,592 คน รวม 11,305,877 คน บราซิล ติดเพิ่ม 75,412 คน รวม 11,277,717 คน ยอดเสียชีวิตวันนี้สูงที่สุดในโลก 2,233 คน สอดคล้องกับข่าวที่เผยแพร่กันช่วงนี้ว่าระบบสุขภาพของบราซิลไม่สามารถแบกรับภาระการดูแลรักษาได้ พรุ่งนี้บราซิลจะแซงอินเดียขึ้นเป็นอันดับสองของโลก รัสเซีย ติดเพิ่ม 9,270 คน รวม 4,360,823 คน สหราชอาณาจักร ติดเพิ่มอีก 6,753 คน รวม 4,241,677 คน อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่ม ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า ในขณะที่แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพัน เกาหลีใต้ ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนเมียนมาร์ จีน ไทย ฮ่องกง ออสเตรเลีย และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่สิงคโปร์ เวียดนาม และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ วิเคราะห์ภาพรวมขณะนี้ อเมริกา สหราชอาณาจักร รัสเซีย อินเดีย มีการระบาดที่มีแนวโน้มทรงตัว ดีขึ้นกว่าปลายปีก่อน แต่กลุ่มประเทศยุโรปอื่นๆ นั้นมีสถานการณ์ค่อนข้างแย่ลง อย่างเช่น ฝรั่งเศส อิตาลี โปแลนด์ โรมาเนีย เช็ค รวมถึงประเทศในทวีปอื่นๆ เช่น ตุรกี เป็นต้น เมื่อวานนี้วัคซีนของ Novavax มีการประกาศอัพเดตข้อมูลผ่าน press release ของบริษัท โดยเผยแพร่สรุปผลการวิจัยระยะที่ 3 ในสหราชอาณาจักร ซึ่งทำการศึกษาในคนอายุ 18-84 ปี โดยมีคนอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปราว 27% สาระสำคัญก็สอดคล้องกับที่เคยมีการเผยแพร่มาก่อนหน้านี้ โดยมีผลการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการได้ถึง 96% และสามารถป้องกันในกรณีที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ทั้งสายพันธุ์สหราชอาณาจักรได้ 86% และแอฟริกาใต้ 55% ความเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆ ทั่วโลกนั้นทำให้เราเห็นชัดเจนถึงความจริงจังจริงใจ และมุ่งมั่นที่จะปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน การเลือกใช้วัคซีนที่มีสรรพคุณสูง ทั้งเรื่องการป้องกันการติดเชื้อ การป้องกันการเจ็บป่วย การลดความรุนแรงของโรคและอัตราการตาย รวมถึงผลต่อสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ต่างๆ และมีความปลอดภัย จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และเป็นการพิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการระดับประเทศ ข้อมูลของวัคซีนชนิดต่างๆ จำเป็นต้องได้รับการเปิดเผย ให้สืบค้น ตรวจสอบได้อย่างชัดเจน เพื่อยืนยันหลักฐานวิชาการในเรื่องสรรพคุณและความปลอดภัย ที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกประเทศคือ การต้องไม่ปิดกั้น และต้องพยายามสนับสนุนให้ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงอาวุธป้องกันโรคที่ดี มีสรรพคุณสูง ทัดเทียมนานาประเทศ ไม่ทำแบบปากอย่างใจอย่างและกระทำอีกอย่าง การรับหรือไม่รับวัคซีนใดๆ นั้น เป็นสิทธิของประชาชนแต่ละคน โดยควรได้รับการบอกกล่าวเล่าแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลโดยละเอียด และมีข้อมูลให้เข้าถึงได้จริง ไม่ใช่โฆษณาเพียงลมปากการันตีโดยคนหรือหน่วยงานใดเพียงเท่านั้น หากพัฒนาให้คนในสังคมมีสมรรถนะในการรู้เท่าทัน เข้าถึง สืบค้น และนำความรู้ที่ถูกต้องมาเป็นแสงส่องทางประกอบการตัดสินใจตามหลักเหตุและผลแล้ว ก็จะทำให้สังคมเราสามารถต่อสู้กับภัยคุกคามในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ถูกหลอกลวงหรือตกกับดักได้โดยง่าย สถานการณ์ปัจจุบันของเรา ยืนยันว่ายังไม่ปลอดภัย มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ขอให้ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดครับ ขอขอบคุณข้อมูล จากเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat