ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต
[email protected]
“นัยแห่งความเป็นที่สุดของมนุษย์...มักถูกเผยร่างออกมาบนพื้นฐานแห่งปรารถนาของจิตใจ...มันคือความเร้นลึกที่ไม่รู้จบ เป็นแรงปะทะอันหนักหน่วงต่อคุณธรรมสำนึก...และเป็นพายุอารมณ์ที่ติดตรึงอยู่ในเสน่หาของความรัก...ย่อมไม่มีความผิดถูกบนเส้นทางสายนี้...ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นและเป็นไปด้วยโครงสร้างอันบริสุทธิ์ของความเป็นชีวิต...ที่ต้องถักทอผลลัพธ์แห่งการกระทำในทุกสิ่งให้ดำรงอยู่บนความทรงจำที่ถาวร...และนี่คือความหมายแห่งเรื่องราวซึ่งไม่มีวันเวลาจบสิ้นลงได้...ตราบใดที่มนุษย์ยังมีลมหายใจและโลกียวิสัยยังถูกถือครองอยู่ด้วยศรัทธาของชีวิต...”
ผัสสะแห่งรสชาติทางความรู้สึกข้างต้น...คือธรรมชาติแห่งจิตวิญญาณที่หลอมรวมตนอยู่กับด้านในแห่งรากฐานของเรื่องสั้นที่ทรงพลังในการสื่อสารและเป็นที่น่าติดตามเรื่องหนึ่งของ ‘กาเบรียล’การ์เซีย มาร์เกซ’ นักเขียนใหญ่...เจ้าของรางวัลโนเบลชาวโคลอมเบีย... ‘Memories of Melancholy Whores’ ...หรือในชื่อภาษาไทยที่ถูกแปลความไว้ในชื่อ... ‘ความทรงจำอันสำส่อน’ จนเป็นที่สะดุดหู...สะดุดอารมณ์อย่างยิ่ง..
คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน...เขาใช้ชีวิตวัยหนุ่มตามซ่องโสเภณีจนได้รับการยอมรับให้เป็นเสมือนลูกค้าดีเด่น...ครั้นเมื่อเวลาล่วงผ่านสู่การฉลองอายุครบ 90 ปีของเขา...เขาจึงแสดงเจตจำนงให้แม่เล้าคนโปรดซึ่งเคยสนิทสนม ‘โรซ่า คาบาร์คัส’ ได้ค้นหาและคัดเลือกสาวบริสุทธิ์ให้เป็นรางวัลชีวิตแก่ตน...เขาต้องการให้รางวัลต่อชีวิตด้วยราตรีที่ตื่นเต้นกับสาวพรหมจรรย์สักคน...แท้จริงความต้องการนี้คือบทพิสูจน์ของสิ่งใดกันแน่?...
‘โรซ่า’...หาสิ่งที่เขาต้องการมาให้ได้...เธอเป็นเด็กสาวอายุเพียง 14 ย่างเข้า 15 ปี...ตลอดทั้งวันเธอต้องทำงานเย็บกระดุมเพื่อหารายได้นำมาจุนเจือครอบคัว...ซึ่งประกอบด้วยแม่ผู้อยู่ในอาการเจ็บป่วย รวมทั้งน้องชายและน้องสาวซึ่งยังเล็กมาก...เหตุการณ์ในค่ำคืนแรกระหว่างเด็กสาวกับชายเฒ่าผู้ร่ำร้องและปรารถนา...เป็นไปอย่างว่างเปล่าและเงียบงัน...เธอนอนเปลือยกายหลับใหลอยู่ต่อหน้า...ขดตัวกลมเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงภายในซ่อง...บางทีอาจเพราะเธออ่อนเพลียจากการทำงานหนักมาทั้งวัน...หรือบางทีอาจเพราะนี่คือเล่ห์เสน่หาของเธอที่ต้องการบทพิสูจน์ถึงอะไรบางสิ่ง...
ชายเฒ่า...แสดงท่าทีแค่สำรวจเรือนร่างของเธอในค่ำคืนที่แสนจะอบอ้าว...ทุกอย่างดำเนินไปเงียบๆบนพื้นฐานของความแปลกหน้า...แท้จริงมนุษย์แต่ละคนล้วนต้องการจะมีสัมพันธภาพ...เพราะยิ่งมีชีวิตอยู่ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน มนุษย์ก็จะยิ่งพบกับความอ้างว้างเดียวดายที่จะต้องแก้ไขด้วยการสร้างสัมพันธภาพกับคนอื่นๆ.. ในวัย 90 ปี...เขาต้องตื่นเต้นกับอารมณ์ของตนเองจนเหลือจะข่ม...แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะแตะต้องตัวเธอ...อารมณ์ที่พลุ่งพล่านร้อนระอุทำให้เขาต้องตกอยู่ในห้วงทุกข์ของความทรมาน...กว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็เกือบจะรุ่งสาง...
“ผมไม่เคยหลับนอนกับผู้หญิงซึ่งผมไม่ได้จ่ายค่าตัวให้แก่เธอ...แม้ว่าพวกเธอจะปฏิเสธก็ตาม...ตอนผมอายุยี่สิบปีผมเริ่มต้นบันทึกรายชื่อของพวกเธอเอาไว้ ด้วยการระบุอายุ ที่อยู่ และบันทึกสั้นๆเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไป รวมถึงลีลาในขณะที่อยู่บนเตียงของพวกเธอ...ในขณะที่ผมอายุห้าสิบปี มีผู้หญิงซึ่งผมมีสัมพันธ์ด้วยอย่างน้อยคนละครั้ง นับได้จำนวนห้าร้อยสิบสี่คนพอดี หลังจากนั้นผมหยุดทำการบันทึกรายชื่อของเธอเมื่อสังขารของผมมันไม่เอื้ออำนวยในเรื่องดังกล่าวอีกต่อไป...ผมหันมาใช้ชีวิตจดจำแทนการบันทึกลงในแผ่นกระดาษ ผมเป็นคนมีจรรยาบรรณพอในเรื่องนี้...ผมจะไม่เล่าความลับหรือเล่าเรื่องประสบการณ์ความตื่นเต้นเร้าใจทั้งกายและใจให้ใครฟัง...เพราะตั้งแต่เป็นหนุ่มจนถึงปัจจุบัน ผมตระหนักรู้ดีว่า...สักวันหนึ่งคนเราจะต้องชดใช้กรรมที่ก่อเอาไว้...”
หลายวันต่อมา ‘โรซ่า’...ได้โทรกลับมาหาเขา...บอกกล่าวให้เขาได้รับรู้ว่า...เด็กสาวรู้สึกไม่สบายใจที่ได้ทำตัวนิ่งเฉยไปในวันนั้น...เธอปรารถนาที่จะได้พบกับเขาอีกครั้ง นั่นจึงเป็นที่มาของการพบกันครั้งที่สอง และอีกหลายๆครั้งในเวลาต่อมา...
“...เราสองคนเริ่มรู้จักซึ่งกันและกันมากขึ้นราวกับว่าเรามีความเข้าใจในสถานการณ์ต่างๆที่ส่งผลมากระทบถึงตัวเราสองคนได้ดี...ผมพบว่าเธอสามารถได้ยินเสียงที่กลมกลืนกับสภาวะของเธอในขณะที่เธอกำลังหลับ เธอตอบสนองผมด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติในร่างกายของเธอ ผมสามารถเข้าถึงสภาวะจิตใจของเธอได้ในขณะที่เธอหลับ...แม้ครั้งแรกๆจะทำให้อ่อนเพลียและไม่ราบรื่น แต่เธอค่อยๆดิ่งลึกลงสู่ความสงบภายในซึ่งทำให้ใบหน้าของเธอเปี่ยมด้วยความสุขและทำให้ท่านอนของเธอดีขึ้น...ผมได้บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของผมแก่เธอ...เริ่มอ่านหนังสือให้เธอฟัง...จากเรื่องเจ้าชายน้อยของ ‘แซงต์แตกซูเปรี’ นักเขียนฝรั่งเศสนามอุโฆษที่คนฝรั่งเศสมองข้าม แต่ชาวโลกให้การยอมรับสรรเสริญ...”
‘มาร์เกซ’...สร้างรายละเอียดในเงื่อนไขของสัมพันธภาพในงานเขียนของเขาอย่างแยบยล...เป็นพัฒนาการของความคิดเห็นที่ปรากฏออกมาเป็นแต่ละช่วงตอน...เขาสื่อให้เห็นภาพอันสวยงามของมนุษย์ที่อาจเปรียบเทียบได้ดั่งสิ่งที่เกินจริง...ทั้งนี้ก็เพราะว่าในแต่ละเวลานาที...มนุษย์ในแต่ละคน ก็มักจะต้องเผชิญหน้ากับภาวะวิกฤตและความขัดแย้งต่อเนื่องไปตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดจนแม้กระทั่งในวัยชรา...แต่ตัวละคร ‘ชายเฒ่า’ ของ ‘มาร์เกซ’...จัดอยู่ในประเภทมนุษย์ที่มีบุคลิกภาพเข้มแข็งจนสามารถเอาชนะเหนือข้อขัดแย้งในจิตใจได้ในที่สุด...ดูเหมือนภาพรวมแห่งชีวิตของเขาทั้งหมดจะ
สามารถก่อเกิดเป็นพลังที่หล่อหลอมมนุษย์ให้รู้จักแก่นสารของตนเองจนกลายเป็นความมั่นใจที่อบอุ่นต่อการมีชีวิตอยู่ร่วมกัน...
แล้วเขาก็ตัดสินใจเรียกเธอว่า ‘เดลกาดิญญา’...แก้วตาดวงใจ...นามเจ้าหญิงในบทเพลง...สัมพันธภาพที่ก่อตัวล้ำลึก ทำให้เธอค่อยๆแทรกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งแห่งชีวิตของชายชรา...เป็นส่วนผูกพันทั้งยามหลับและยามตื่น...เธอจะปรากฏตัวไปทั่วในบ้านหลังกว้าง...เดิน...วิ่งและกระทำต่างๆนานา...แต่แล้วคืนหนึ่งเธอก็หายไป...
จุดพลิกผันตรงส่วนนี้อาจชี้ให้เห็นถึงความคิดของ ‘มาร์เกซ’ ประเด็นที่ว่า...แม้เขาจะมองโลกด้วยสายตาของไมตรีแต่เขาก็ชี้ให้เห็นภาพแสดงในเชิงประจักษ์ว่า...แท้จริงมนุษย์คนหนึ่งคนใดย่อมไม่สามารถจัดการสังคมให้ดีงามและเหมาะสมสำหรับทุกคนได้..
ชายชรากระวนกระวายและเต็มไปด้วยความหวั่นวิตกที่สำคัญก็คือว่า...การหายไปของเธอไปพ้องกับการเกิดฆาตกรรมลูกค้ารายหนึ่งในซ่อง...แม้เล้าบอกว่าเธอคือผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงจำเป็นที่จะต้องให้เธอหายตัวไป...
หนึ่งเดือนที่เธอหายไป...ชายชราออกตามหาเธอจนทั่ว เขาไม่ได้รับข่าวคราวใดๆของเธอเลย...แต่แล้วจู่ๆเธอก็กลับมา...กลับมาในท่าทีอาการที่เปลี่ยนไป...เพียงเวลาไม่นานนักเธอกลับกลาย เป็นสาวเต็มตัว...มีเสื้อผ้าสวมใส่ที่หรูหรา...มีเครื่องประดับราคาแพงๆซึ่งไม่ใช่ทรัพย์สินที่ชายเคยซื้อให้...ชายชราไม่อาจควบคุมสติและโมหจริตเอาไว้ได้...กับภาพบาดตาที่เห็น...เขาอาละวาดออกมาอย่างบ้าคลั่ง...ทุบทำลายข้าวของ ก่นด่าและเรียกเธออย่างเหยียดหยามว่า ‘อีกระหรี่...’ ก่อนที่จะจากเธอมา...
ตัวตนของชายชราแหลกสลาย...อาการแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยปมเงื่อนของปัญหาทางจิตใจ...ความขัดแย้งทำให้ดุลยภาพระหว่างตัวตนจริงกับตัวตนที่มองเห็นต้องขาดผัสสะออกจากกัน...และสำหรับชายผู้มีอายุ 90 ปี...ปรากฏการณ์แห่งท่าทีของเขาจึงหนีไม่พ้นการเป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์
“ผมเข้าใจเสมอว่าการตายของความรักเป็นเพียงการแหวกกฎกวี บ่ายวันนั้นผมจึงกลับบ้านโดยไม่มีแมวและไม่มีเธอ...มันเป็นบทพิสูจน์ว่า...ไม่เพียงมันเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับตัวผมซึ่งเป็นคนแก่ตัวคนเดียวกำลังจะตายด้วยความรัก...แต่ยังคงตระหนักว่าอีกด้านหนึ่งตรงกันข้ามก็มีความจริงที่เหมือนกัน...
“ในที่สุด, ชีวิตจริงก็กลับมา...ด้วยหัวใจที่ปลอดภัยและด้วยความรักที่เป็นสุขหลังวันเกิดครบรอบ 90 ปี”...บางทีความทรงจำของชีวิตหนึ่ง...ก็เล่นตลกกับความเป็นโศกนาฏกรรมแห่งตัวตนอยู่อย่างนี้ ตราบใดที่เรามิอาจควบคุมแรงปรารถนาภายในเอาไว้กับดุลยภาพแห่งการหยั่งรู้อันแท้จริง
‘ความทรงจำอันสำส่อน’ คือเรื่องสั้นขนาดยาวที่เป็น ‘Magical Romantic’ ชั้นเยี่ยม...มนต์มายาแห่งความรักและปรารถนาในความใคร่รักคือกุญแจสำคัญที่ไขเข้าไปสู่รหัสนัยในก้นบึ้งของ ความเป็นชีวิต...ไม่มีใครรู้ว่าชีวิตของเราทุกคนจะยืนยาวไปได้นานสักเพียงไหน...แต่ในระหว่างทางทุกคนมีโอกาสที่จะได้พบกับประสบการณ์ที่เป็นทั้งมายากลวงและความจริงแท้ที่พลิกผันชีวิตได้ด้วยโอกาสที่เท่าๆกัน...รสชาติของเรื่องสั้นเรื่องนี้ ในฐานะวรรณกรรมบีบให้เราซึ่งเป็นผู้อ่านต้องอยู่ในพื้นที่ของการแกะรอยที่ ‘มาร์เกซ’ จะค่อยต้อนให้เราต้องเดินตาม...บางจังหวะเหมือนว่าเราได้พบกับเหตุการณ์ที่เคยคุ้น..บางขณะเหมือนว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับเหตุผลที่ใช่ แต่หลายๆโอกาสที่สิ่งซึ่งสัมผัส นั้นกลับไม่มีตัวตนให้ได้จับต้อง...ความเป็นมนุษย์คืออะไรกันแน่...แก่นแท้แห่งนิยามของความเป็นมนุษย์ซ่อนอยู่ตรงส่วนไหนของกาลเวลาและห้วงลึกของความเป็นชีวิต...นี่คือคำถามอันหลากหลาย...ที่ได้รับหลังจากได้อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้และคำตอบในแต่ละคำตอบต่างก็ว่ายวนอยู่ในอารมณ์ที่ไม่หยุดนิ่ง...
แม้ว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้จะไม่ได้แปลมาจากภาษาดั้งเดิม...ที่ ‘มาเกซ’ ใช้ในการประพันธ์...แต่การถ่ายทอดจากภาษาอังกฤษมาสู่ภาษาไทยโดย ‘นิรัติศัย หล่ออรุโณทัย’ หรือที่นักอ่านคุ้นชื่อกันดีในนามกวี ‘นิศรัย หนูหล่อ’ ก็นับเป็นเนื้องานที่สื่อถึงความเข้าใจในความหมายของเรื่องราวและจิตวิญญาณแห่งความเป็นวรรณกรรม...ภาษากวีที่ใช้สื่อสารในการแปลความ...หลายๆบทตอนคือความสำเร็จซึ่งก่อเกิดผลเป็นความรับรู้ในรู้สึก...ที่จริงใจ...และสื่อสัมผัสได้ถึงแง่งามเชิงประสบการณ์ที่สามารถร้อยรัดจิตวิญญาณแห่งวรรณกรรมให้เข้าสู่ความเป็นหนึ่งของกันและกันที่ลึกซึ้ง
“ผมคิดในตอนนั้นว่า...ฉากรักอันพิสดารของผมน่าจะเป็นฐานรากอันดีในการเขียนเรื่องที่ชวนให้หดหู่ ในชีวิตสักเรื่องที่นำพาทางที่ผิดมาสู่ชีวิตของผม แล้วชื่อเรื่องก็พลันปรากฏขึ้นมาอย่างไม่คิดคาดหวังมาก่อน ผมตั้งชื่อมันว่า...ความทรงจำอันสำส่อน...”