“SEAMEO STEM-ED” -เชฟรอน ผนึกเครือข่ายนักวิจัยอาเซียน หาแนวทางพัฒนาสะเต็มศึกษา ผลักดันเชิงนโยบาย พัฒนาคุณภาพการศึกษา แก้ปัญหาเยาวชนคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์โลก มุ่งพัฒนาคนเพื่อพัฒนาอาเซียนอย่างยั่งยืน หลังพบผลกระทบจาก 3 ปัจจัย ศก.ติดหล่มจากโควิด ความเหลื่อมล้ำของเด็กในเมืองกับชนบท และดิจิทัล ดิสรัปชั่น เมื่อวันที่ 11 มี.ค.64 SEAMEO STEM-ED หรือ ศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกับ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และ เชฟรอน คอร์ปอเรชั่น จัดประชุมนักวิจัยระดับนานาชาติเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านสะเต็มศึกษา มีผู้แทนภาครัฐ สถาบันการศึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านวิจัยระดับนานาชาติ ร่วมระดมสมองเพื่อกระตุ้นให้เกิดงานวิจัยที่จะนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายสะเต็มศึกษาในอาเซียน หลังพบปัญหาเยาวชนอาเซียนคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานโลก อันเนื่องขาดการส่งเสริมเรื่องสะเต็มศึกษา ประกอบกับ 3 ปัจจัยที่การศึกษาแบบเดิมที่ไม่ตอบโจทย์ คือ ดิจิทัล ดิสรัปชั่น ความเหลื่อมล้ำของเด็กในเมืองและชนบท และผลกระทบจากโควิด-19 โดยบทสรุปและแนวทางที่ได้จากงานประชุมครั้งนี้ จะถูกนำไปพัฒนาและบรรจุเป็นวาระนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีและผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ 11 ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ SEAMEO Congress 2021 ที่จะมีขึ้นปลายเดือนเมษายน ศกนี้ การประชุมครั้งนี้มี 3 วิทยากรหลักนำเสนอภาพรวม ได้แก่ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการ และ Ms. Dee Bourbon, Senior Advisor, Global Social Investment, Chevron Corporation ดร.สุภัทร ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของงานวิจัยที่จะช่วยยกระดับการศึกษาของอาเซียน โดยระบุว่า สภาพปัญหาที่ภูมิภาคนี้เผชิญหน้ามีความคล้ายกัน 3 เรื่องคือ เยาวชนอาเซียนมีผลประเมินด้านการศึกษาต่ำ (PISA) การขาดแคลนกำลังคนที่มีทักษะด้านสะเต็มศึกษา (Science Technology Engineering and Mathematics Education : STEM-ED) โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดับรายได้ปานกลาง รวมทั้งการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ปลัดก.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ทางแก้ไขคือเร่งส่งเสริมการทำวิจัยด้านการศึกษาที่จะสามารถตอบโจทย์การศึกษาในอนาคต เพื่อนำผลวิจัยไปใช้ประกอบการตัดสินใจวางนโยบายการศึกษาของแต่ละประเทศ โดยคาดหวังว่าเวทีจะช่วยยกระดับความร่วมมือและสร้างเครือข่ายนักวิจัยด้านการศึกษาระดับภูมิภาค ในการนำองค์ความรู้ของแต่ละชาติมาต่อยอด รวมทั้งร่วมกันกำหนดโจทย์ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนโมเดลงานวิจัยด้านการศึกษา ที่จะนำไปสู่การยกระดับศักยภาพของอาเซียนอย่างยั่งยืน ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการศูนย์ SEAMEO STEM-ED กล่าวถึงบทบาทของสถาบันการศึกษากับการพัฒนาอาชีพครู และการสนับสนุนงานวิจัยที่ตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบัน โดยเน้นว่าที่ผ่านมา ยังไม่มีการวางนโยบายด้านสะเต็มศึกษาอย่างจริงจังในอาเซียน ความร่วมมือกับเชฟรอนเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เกิดการทำวิจัยเพื่อนำไปสู่การผลักดันเชิงนโยบาย และการจัดเวทีครั้งนี้ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ ระหว่างผู้กำหนดนโนบายระดับประเทศกับนักวิจัย เพื่อสร้างมาตรฐานงานวิจัยต้นแบบ และการจัดทำฐานข้อมูลวิจัยเพื่อนำเสนอต่อผู้กำหนดนโยบายด้านการศึกษา โดยการหารือครอบคลุม 3 ประเด็นหลักคือ กระบวนการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) การพัฒนาอาชีพครูและองค์ประกอบการเรียนสะเต็มศึกษา การบูรณาการสะเต็มศึกษาตั้งแต่ระบบเรียนฟรี หรือ K-12 และการสร้างโมเดลวิทยาลัยอาชีวะสะเต็มศึกษาที่ได้มาตรฐานระดับโลก ผอ.ศูนย์ SEAMEO STEM-ED ย้ำว่า การพัฒนางานวิจัยต้องเดินคู่ไปกับการพัฒนานักวิจัย จึงจะมีการตั้งคณะกรรมการกำหนดเกณฑ์การให้ทุนงานวิจัย ควบคู่กับการกำหนดแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถนักวิจัยด้านการศึกษา ซึ่งพบว่า ในอาเซียนมีประเด็นงานวิจัยที่คล้ายกันคือ “ผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจจากโควิด-19 ความเหลื่อมล้ำของเด็กในเมืองและชนบท และดิจิทัล ดิสรัปชั่น” การประชุมครั้งนี้เป็นการสกัดสาระสำคัญเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายเพื่อพัฒนาครูในรูปแบบใหม่ และกระตุ้นให้เกิดงานวิจัยเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาในอาเซียน Ms. Dee Bourbon, Senior Advisor, Global Social Investment, Chevron Corporation กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างเชฟรอนกับ SEAMEO STEM-ED เพื่อพัฒนาสะเต็มศึกษาในภูมิภาคอาเซียน โดยเชฟรอนเริ่มมีส่วนร่วมพัฒนา ‘พลังคน’ ในอาเซียนอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 แล้วภายใต้โครงการ ‘Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต’ ซึ่งปัจจุบันเข้าสู่ระยะที่สอง โดยร่วมกับ SEAMEO STEM-ED โครงการดังกล่าวกลายเป็นโมเดลต้นแบบงาน CSR ด้านการศึกษาระดับภูมิภาค โดยนำเสนองานวิจัยที่ถอดบทเรียนในโครงการให้กับนักวิจัยทั้งอาเซียน โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะการสอนในห้องเรียน ประโยชน์ของกระบวนการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) รวมถึงการประเมินครูผู้สอน ซึ่งมีความสำคัญต่อเด็กและการยกระดับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในอาเซียน ทั้งนี้ บทสรุปและแนวทางที่ได้จากงานประชุมครั้งนี้ จะถูกนำไปพัฒนาและบรรจุเป็นวาระนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีและผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ 11 ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ SEAMEO Congress 2021 ในเดือนเมษายนนี้