ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 9 มี.ค.64 พ.ต.ท.ธีรพงษ์ บุญชูวงศ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนภายในหมู่บ้่านท่าแค ซอย 2 หมู่ 2 ต.วังศาลา อ.ท่าม่วงฯ
หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเรื่อง จากนั้นจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุชาย เทศชบุตร ผกก.สภ.ท่าม่วงฯ และนายตำรวจชั้ผู้ใหญ่หลายนาย
ที่เกิดเหตุพบว่าเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงของเทศบาลตำบลวังศาลา เทศบาลตำบลวังขนาย เทศบาลตำบลท่าม่วง เทศบาลทุ่งทอง เทศบาลตำบลม่วงชุม และโรงงานกระดาษเอสซีจี. โรงงานน้ำตาลไทยเพิ่มพูน รวมทั้งมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์(กู้ชีพขุนรัตนาวุธ) รวม 7 คันกำลังฉีดน้ำเพื่อดับไฟที่กำลังโหมลุกไหม้บ้านอย่างรุนแรง เพราะมีกระแสลมช่วงยามเย็นเป็นตัวช่วยพัดโหมกระพือ
จนในที่สุดก็สามารถควบคุมเพลิงไหม้ครั้งนี้เอาไว้ได้และอยู่ในวงจำก โดยใช้เวลาอยู่นานประมาณเกือบ 2 ชม.เพลิงจึงสงบ พบว่าบ้านเรือนทั้งขนาดใหญ่กลายเป็นเถ้าถ่าน
เบื้องต้นจากการสอบสวนปากคำนายไพรัช บุญพา อายุ 64 ปี และนางนกแก้ว ชลอทรัพย์ อายุ 63 ปี 2 สามีภรรยาเจ้าของบ้านทราบว่า บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านเก่าสมัยปู่ย่า ตายายปลูกสร้างเป็นเรือนไม้ยกสูง แต่ต่อมารื้อปลูกสร้างใหข้างบนป็นไม้ ข้างล่างเป็นปูน ตนมีอาชีพเพาะเลี้ยงวัวไทยพัรธ์ุพื้นเมืองขาย
ก่อนเกิดเหตุก็ไม่มีใครอยู่บ้าน ตนกับลูกชายนำฝูงวัวไปเลี้ยงในป่าใกล้บ้าน ส่วนภรรยานั่งกรีดข้าวโพดแอ้อยู่ที่หน้าบ้านของลูกชาย ขณะที่กำลังเดินเลี้ยงวัว ตนเห็นควันไฟพุ่งขึ้นฟ้ามาจากทางบ้าน จึงถามและบอกลูกชายให้ไปดูก็พบว่า ไฟไหม้บ้านแลัว
ด้านนางนกแก้ว ภรรยาเจ้าของบ้าน ให้การว่า ขณะที่กำลังนั่งแกะฝักข้าวโพดอยู่นั้นได้ยินเสียงปะทุของประกายไฟดังขึ้นและกลิ่นเหม็นไหม้พัดโชยจึงเดินออกไปดูที่ข้างบ้านก็พบว่า ไฟกำลังลุกไหม้บ้านเรือนด้านหลัง ด้วยความตกใจจึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือและเป็นลม จนเพื่อนบ้านโทรศัพท์แจ้ง 191
นายไพรัช กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุบ้านก็ไม่มีใครอยู่ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้่าก็ไม่ได้เปิด หรือเสียบปลั๊กทิ้งไว้ แต่ทำไมเกิดไฟไหม้ได้ ตนและภรรยาหมดตัวแล้ว เงินสดหมื่นกว่าบาท ทองรูปพรรณที่เก็บไว้ที่ห้องนอนในบ้านก็คงโดนไฟไหม้หมดแล้ว
เบื้องต้นจากปากคำให้การของนายไพรัช และภรรยาเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้บ้านครั้งนี้สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรก็เป็นได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ประสานไปที่เจ้าหน้าที่ พฐ.ตำรวจภูธรจังหวัดฯ ให้มาตรวจเก็บหาหลักฐานในที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป
จนในที่สุดก็สามารถควบคุมเพลิงไหม้ครั้งนี้เอาไว้ได้และอยู่ในวงจำก โดยใช้เวลาอยู่นานประมาณเกือบ 2 ชม.เพลิงจึงสงบ พบว่าบ้านเรือนทั้งขนาดใหญ่กลายเป็นเถ้าถ่าน
เบื้องต้นจากการสอบสวนปากคำนายไพรัช บุญพา อายุ 64 ปี และนางนกแก้ว ชลอทรัพย์ อายุ 63 ปี 2 สามีภรรยาเจ้าของบ้านทราบว่า บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านเก่าสมัยปู่ย่า ตายายปลูกสร้างเป็นเรือนไม้ยกสูง แต่ต่อมารื้อปลูกสร้างใหข้างบนป็นไม้ ข้างล่างเป็นปูน ตนมีอาชีพเพาะเลี้ยงวัวไทยพัรธ์ุพื้นเมืองขาย
ก่อนเกิดเหตุก็ไม่มีใครอยู่บ้าน ตนกับลูกชายนำฝูงวัวไปเลี้ยงในป่าใกล้บ้าน ส่วนภรรยานั่งกรีดข้าวโพดแอ้อยู่ที่หน้าบ้านของลูกชาย ขณะที่กำลังเดินเลี้ยงวัว ตนเห็นควันไฟพุ่งขึ้นฟ้ามาจากทางบ้าน จึงถามและบอกลูกชายให้ไปดูก็พบว่า ไฟไหม้บ้านแลัว
ด้านนางนกแก้ว ภรรยาเจ้าของบ้าน ให้การว่า ขณะที่กำลังนั่งแกะฝักข้าวโพดอยู่นั้นได้ยินเสียงปะทุของประกายไฟดังขึ้นและกลิ่นเหม็นไหม้พัดโชยจึงเดินออกไปดูที่ข้างบ้านก็พบว่า ไฟกำลังลุกไหม้บ้านเรือนด้านหลัง ด้วยความตกใจจึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือและเป็นลม จนเพื่อนบ้านโทรศัพท์แจ้ง 191
นายไพรัช กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุบ้านก็ไม่มีใครอยู่ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้่าก็ไม่ได้เปิด หรือเสียบปลั๊กทิ้งไว้ แต่ทำไมเกิดไฟไหม้ได้ ตนและภรรยาหมดตัวแล้ว เงินสดหมื่นกว่าบาท ทองรูปพรรณที่เก็บไว้ที่ห้องนอนในบ้านก็คงโดนไฟไหม้หมดแล้ว
เบื้องต้นจากปากคำให้การของนายไพรัช และภรรยาเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้บ้านครั้งนี้สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรก็เป็นได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ประสานไปที่เจ้าหน้าที่ พฐ.ตำรวจภูธรจังหวัดฯ ให้มาตรวจเก็บหาหลักฐานในที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป