ข้อสงสัยของสื่อมวลชน กรณีคนร้ายยิงถล่มรถตำรวจทางหลวงอุดรธานี หนีแบบไหนร่วม 100 กิโลเมตรทำไมลอยนวล ข้อสงสัยของสื่อมวลชน กรณีคนร้ายยิงถล่มรถตำรวจทางหลวงอุดรธานี หนีแบบไหน จาก จ.หนองคาย ถึง จ.อุดรธานี ร่วม 100 กิโลเมตรทำไมลอยนวล กรณีคนร้ายขับกระบะยิงใส่รถ ตำรวจทางหลวงอุดรธานี ที่ไล่ตามจาก อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จนถึง จ.อุดรธานี โชคดีตำรวจ 4 นายปลอดภัย เมื่อกลางดึก วันที่ 5 มีนาคม 2564 เวลา 01.20 น. โดย ร.ต.อ.กนกพล ดวงทาทอน รอง สว.ส.ทล.3 กก.4 บก.ทล.อุดรธานี พร้อมด้วย ด.ต.วินัย แก้งกอง ผบ.หมู่ พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 4 นาย ได้นำรถของตำรวจทางหลวง หมายเลขประจำรถ 4309 ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน ชล 4540 กรุงเทพมหานคร ออกตรวจพื้นที่ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และการแข่งขันรถบนท้องถนน พอถึงช่วงถนนทางหลวงที่ 211 ตำบลบ้านเดื่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จึงได้หยุดพักรถเพื่อผ่อนคลาย และก็ปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์ และอำนวยความสะดวกแก่พี่ประชาชนที่ใช้ถนน เพราะบริเวณแถวนั้นมักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง หลังจากนั้นผ่านไป 5 นาที พบรถต้องสงสัยเป็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสัน สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน วิ่งมาด้วยความเร็ว แต่จุดนั้นมีไฟฟ้าแสงสว่างมองเห็นชัด จึงสั่งให้เปิดสัญญาณไฟไซเรนรถพร้อมกับส่งสัญญาณกระบองไฟ เพื่อให้รู้ว่ามีตำรวจอยู่ตรงนี้ ปฏิบัติหน้าที่ให้รถชะลอความเร็ว แต่รถของกลุ่มต้องสงสัยที่มุ่งหน้าไป จ.อุดรธานี ได้เร่งความเร็วหนี โดยเจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นมีกล่องสี่เหลี่ยมที่อยู่ในรถตรงเบาะนั่งแค็ป คล้ายมียาเสพติด พร้อมทั้งผู้ชาย 2 คนนั่งอยู่ในรถ จึงได้ให้ขับรถไล่ติดตามเลย ต.พระธาตุบังพวน อ.เมืองหนองคาย รถผู้ต้องสงสัยได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงทะลุออกจากกระจกหลังรถ ใส่รถตำรวจทางหลวงเป็นชุดหลายนัด โดยกระสุนถูกฝากระโปรงรถ จึงได้ขับรถไล่ติดตามอยู่ห่างๆ เพื่อหลบวีถีกระสุนปืนของคนร้าย โชคดีตำรวจที่อยู่ในรถทั้ง 4 นายไม่มีใครได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บ ร.ต.อ.กนกพล จึงได้แจ้งวิทยุไปยังศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อขอกำลังสนับสนุน และแจ้งว่าคนร้ายมีอาวุธปืนร้ายแรงสกัดรถของคนร้าย แต่คนร้ายก็ยังยิงปืนมาใส่รถตำรวจทางหลวงอย่างต่อเนื่อง แต่ตำรวจทางหลวงไม่ได้ยิงตอบโต้คนร้าย ได้แต่ตามอยู่ห่างๆ เพราะในช่วงระยะเวลานั้นมีพี่น้องประชาชนขับขี่รถบนท้องถนน เกรงว่าประชาชนจะถูกลูกหลงคมกระสุนปืน โดยตำรวจนั้นคำนึงถึงความปลอดภัยในเรื่องนี้ เพราะว่าจับคนร้ายได้หรือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พอขับมาถึง ถนนทางหลวงหมายเลข 216 แยกไปทางสามพร้าว เขต อ.เมืองอุดรธานี รถตำรวจทางหลวงก็เครื่องยนต์ดับและขับไปต่อไม่ได้ หลังจากนั้นก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 191 สภ.เมืองอุดรธานี ขับไล่ติดตามรถของคนร้าย แต่รถของคนร้ายได้หลุดหายไปก่อนในช่วงบริเวณเส้นทางไปยัง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี จึงตรวจสอบรถตำรวจทางหลวง พบมีรอยกระสุนของคนร้ายทั้งหมด 7 จุด และช่วงจังหวะที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงรถของตำรวจทางหลวงนั้นห่างจากรถคนร้ายระยะ 50 เมตร คาดว่าอาวุธปืนของคนร้ายจะเป็นอาวุธปืนสงคราม โดยยังไม่ทราบขนาดปืนของคนร้าย และยังอยู่ระหว่างดำเนินการให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานให้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ข้อสงสัยของสื่อมวลชน -เหตุใดเกิดเหตุเริ่มต้นพื้นที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงไม่วิทยุขอความช่วยเหลือสกัดจับไปที่ห้องสื่อสาร สภ.ท่าบ่อ เพื่อให้ช่วยประสาน สภ.ข้างเคียงในการสกัดจับ โดยรถวิทยุตำรวจทางหลวงกำลังส่งสามารถส่งได้ระยะไกลมาก -เหตุใดเมื่อไล่จับกุมเข้าถึงพื้นที่ ต.พระธาตุบังพวน อ.เมืองหนองคาย ทำไมไม่วิทยุประสานศูนย์สื่อสาร สภ.เมืองหนองคาย เพื่อให้ประสานด่านตรวจความมั่นคงหนองสองห้อง ต.ค่านบกหวาน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทำงาน 24 ชั่วโมงสกัดจับเพราะถ้าประสานยากที่คนร้ายจะผ่านด่านตรวจนี้ไปได้ -เหตุใดเมื่อไล่ติดตามผ่าน อ.สระใคร จ.หนองคาย ถึงไม่ประสาน สภ.สระใคร หรือประสานตู้ยามตำรวจทางหลวงสระใคร ให้ช่วยสกัด เพราะระยะทางกว่าจะมาถึงจุดนี้ถ้าประสานคนร้ายไม่น่ารอด และหากประสานเจ้าหน้าที่มีความพร้อมสกัดจับอยู่แล้ว และคนร้ายไม่น่ารอด -สื่อมวลชนเพียงแต่แปลกใจ ว่าไล่จับโจรแบบไหนร่วม 100 กิโลเมตร แต่คนร้ายทำไมหนีได้ไปแบบลอยนวล ชิว ชิว ถึงอย่างไรสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนก็ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอุดรธานีในการติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้.