วันที่ 6 มี.ค.64 พ.ต.ท.ทวี ภาน้อย ผู้บังคับกองร้อย ตชด.146 กก ตชด ที่ 14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมือง จ ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย พ.ต.ต.ปวริศ ปานะจินาพร สารวัตร ตม.ประจวบคีรีขันธ์ นายณัฐวุฒิ จันทร์แก้ว ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง ที่ว่าการอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ นายมาโต โตทอง กำนันตำบลคลองวาฬ นำกำลังเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน หลังจากสืบทราบว่าจะมีขบวนการลักลอบนำแรงงานชาวเมียนมาร์ผ่านช่องทางธรรมชาติ ต่อมาพบแรงงานชาวเมียนมาร์ 6 คนเดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติที่ช่องตาแฉะ ชายแดนไทย-เมียนมา ต.คลองวาฬ โดยมีผู้นำพาเป็นชาวเมียนมาร์ ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้ารุ่นดีแม็กซ์ตอนครึ่งสีเขียวขี้มา ทะเบียน บย 1483 ประจวบคีรีขันธ์ ขับมารับแรงงานทั้งหมดออกจากพื้นที่ ขณะที่เห็นเจ้าหน้าที่ คนขับพยายามเร่งความเร็วแต่เจ้าหน้าที่ไล่ติดตาม จับกุมได้บริเวณสันอ่างเก็บน้ำหินกอง หมู่ 6 บ้านด่านสิงขร ต.คลองวาฬ ห่างจากจุดรับที่ตีนเขาประมาณ 1 กิโลเมตร พบแรงงานชาวเมียนมาร์อายุระหว่าง 15 - 40 ปี เป็นชาย 3 คน หญิง 4 คน พร้อมกระเป๋าสัมภาระ
นำตัวมาควบคุมที่กองร้อย ตชด.146 ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำการตรวจวัดอุณหภูมิ และเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง เพื่อส่งตรวจหาเชื้อโควิด ทราบชื่อ นายโทน อายุ 39 ปี นางมะยินไข่ อายุ 42 ปี นางมะยาแต อายุ 40 ปี น.ส.น้ำหวาน อายุ 18 ปี น.ส.น้ำ อายุ 16 ปี นายเกาซาน อายุ 15 ปี ค้นตามตัวนายซอไนอู อายุ 36 ปี คนขับรถซึ่งเป็นคนนำพา พบเงินสดจำนวน 11,235 บาท บัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง เป็นโทรศัพท์ที่มีซิมไทยและซิมเมียนมาร์ ซึ่งผู้ต้องหาพูดไทยได้ชัดเจน
สอบสวนทราบว่า นายซอไนอู อายุ 36 ปี เป็นชาวเมียนมาร์มีหนังสือเดินทางทำงานที่โรงงานสับปะรดแห่งหนึ่งในอำเภอหัวหิน ได้รับว่าจ้างให้ขับรถกระบะนำพาแรงงานเมียนมาร์ ที่มาจากเมืองเมาะลำไย และเดินทางต่อมาที่บ้านมูด่องฝั่งเมียนมาร์ ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 3 กิโลเมตร จากนั้นเดินเท้าลงเขามายังจุดรับส่งบริเวณตีนเขาที่ช่องตาตัน โดยได้รับว่าจ้างคนละ 2,000 บาท รวมทั้งสิ้น 12,000 บาท ให้มารับเพื่อนร่วมชาติจากชายแดนขับไปส่งที่ปั้มน้ำมันต้นเกตุ ต.ห้วยทราย อ.เมืองฯจากนั้นจะมีนายหน้าชาวเมียนมาร์มารับอีกทอด ขณะที่แรงงาน 4 คน จะไปหาญาติเพื่อทำงานในสวนยางพาราที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนอีก 2 คนมาหาญาติที่ประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีแรงงานหญิงชาวเมียนมาร์พูดภาษาไทยได้ชัดเจน บางคนเกิดที่เมืองไทย และทำงานในสวนยางพาราที่ภาคใต้มาก่อน ก่อนหน้านี้เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่ประเทศเมียนมาร์ และจะกลับมาหาครอบครัวที่สุราษฎร์ธานี
เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหา ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พรบ.คนเข้าเมือง 2522 พ้นการจับกุมและเดินทางเข้ามาและ อยู่ในราชอาณาจักโดยผิดกฎหมาย ) เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองวาฬดำเนินคดีต่อไป/////////
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 099 339 6444
สอบสวนทราบว่า นายซอไนอู อายุ 36 ปี เป็นชาวเมียนมาร์มีหนังสือเดินทางทำงานที่โรงงานสับปะรดแห่งหนึ่งในอำเภอหัวหิน ได้รับว่าจ้างให้ขับรถกระบะนำพาแรงงานเมียนมาร์ ที่มาจากเมืองเมาะลำไย และเดินทางต่อมาที่บ้านมูด่องฝั่งเมียนมาร์ ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 3 กิโลเมตร จากนั้นเดินเท้าลงเขามายังจุดรับส่งบริเวณตีนเขาที่ช่องตาตัน โดยได้รับว่าจ้างคนละ 2,000 บาท รวมทั้งสิ้น 12,000 บาท ให้มารับเพื่อนร่วมชาติจากชายแดนขับไปส่งที่ปั้มน้ำมันต้นเกตุ ต.ห้วยทราย อ.เมืองฯจากนั้นจะมีนายหน้าชาวเมียนมาร์มารับอีกทอด ขณะที่แรงงาน 4 คน จะไปหาญาติเพื่อทำงานในสวนยางพาราที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนอีก 2 คนมาหาญาติที่ประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีแรงงานหญิงชาวเมียนมาร์พูดภาษาไทยได้ชัดเจน บางคนเกิดที่เมืองไทย และทำงานในสวนยางพาราที่ภาคใต้มาก่อน ก่อนหน้านี้เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่ประเทศเมียนมาร์ และจะกลับมาหาครอบครัวที่สุราษฎร์ธานี
เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหา ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พรบ.คนเข้าเมือง 2522 พ้นการจับกุมและเดินทางเข้ามาและ อยู่ในราชอาณาจักโดยผิดกฎหมาย ) เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองวาฬดำเนินคดีต่อไป/////////
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 099 339 6444