นายอัจฉริยะ เข้าแจ้งความเอาผิดเพิ่มสถานพยาบาล ย่านเกษตร ที่รักษาตัว "น้องวาวา" พริตตี้สาว ข้อหา "ฉ้อโกง" จากกรณีมีการเรียกเก็บค่าอาหารคนไข้ ขณะที่ความคืบหน้าของคดีตำรวจยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหากับใครได้เพราะยังสอบปากคำพยานไม่ครบ
วันนี้ (5 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.15 น. ที่ สน.พหลโยธิน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมกับเพื่อนสาวคนสนิทของ นางสาว วิชญาพร วิเศษสมบัติ หรือ "น้องวาวา" พริตตี้สาว ที่เสียชีวิต หลังไปรับงานเอนเตอร์เทนปาร์ตี้ในบ้านหรูแห่งหนึ่งย่านเสนานิคม ได้เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดเพิ่มสถานพยาบาล ย่านเกษตร-นวมินทร์ ที่รับรักษาตัว "น้องวาวา" ในข้อหา"ฉ้อโกง" จากกรณีมีการเรียกเก็บค่าอาหารคนไข้
โดย นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้นำเอกสารหลักฐานซึ่งเป็นบิลค่ารักษาพยาบาลของ "น้องวาวา" เข้ามาเเจ้งต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิดกับโรงพยาบาลเอกชน ในข้อหา"ฉ้อโกง" เนื่องจากพบว่า มีการเรียกเก็บค่าอาหาร จำนวน400บาท โดยที่ผู้ป่วยไม่ได้รับบริการแต่อย่างใด ซึ่งเข้าข่ายในความผิดฐาน "ฉ้อโกง"
โดยภายในสัปดาห์หน้า ตนจะเดินหน้าฟ้องศาลเพื่อเอาผิดเพิ่มเติมกับโรงพยาบาล ในข้อหา ละเมิดสิทธิผู้ป่วยจนทำให้ถึงเเก่ความตาย หลังจากก่อนหน้านี้ เคยร้องกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ไว้เเล้ว โดยยืนยันว่าหลังจากที่โรงพยาบาลออกมาเเถลง ไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้น ซึ่งขัดเเย้งกับพยานหลักฐานที่ตนเองมีอยู่ เชื่อว่าจะเอาผิดกับโรงพยาบาลได้ โดยในขณะนี้ ทางโรงพยาบาลยังไม่เคยติดต่อญาติ เพื่อเเสดงความรับผิดชอบเเต่อย่างใด ส่วนค่าเสียหายตนเเละญาติได้ปรึกษากันเเล้วจะเรียกร้องค่าเสียหาย จากโรงพยาบาลเป็นจำนวน10ล้านบาท เนื่องจากการประเมิณ อายุของผู้ตายสามารถหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นระยะเวลา10ปี คิดเฉลี่ยเเล้ว ปีละ1ล้านบาท ส่วนคดีขณะนี้ทราบว่าตำรวจจะสามารถสรุปเเจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่กระทำความผิดได้ภายในสัปดาห์หน้า เพราะ ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบปากคำพยาน ซึ่งยังเหลืออีก1ราย
ด้าน พ.ต.อ.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ รอง ผบก.น. 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไปแล้วจำนวนหลายปาก แต่ยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหากับใครได้เพราะการสอบปากคำผู้ที่อยู่ร่วมในงานและเห็นเหตุการณ์ยังไม่แล้วเสร็จ ยังคงเหลือผู้ที่จะต้องเข้าให้สอบปากคำอีก โดยจะมีพยานที่อยู่ในให้ปากคำเพิ่มอีกเพียงหนึ่งราย ซึ่งหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้นหมดทุกคนแล้ว จะนำมาประกอบกับพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ในการชันสูตรพลิกศพของผู้ตาย ก่อนจะนำมาพิจารณาว่าในวันเกิดเหตุใครเป็นผู้นำยาเสพติดเข้ามาภายในงาน และผู้ใดเป็นผู้ให้ยาเสพติดผู้ตายเสพ จึงสามารถที่จะแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนต่อไปได้