จากข้อมูลปัจจุบันพบว่า ภาคธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกมีปัจจัยบวกที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ทั้งเรื่องวัคซีน วันซีนพาสปอร์ต หรือมาตรการการใช้ ทราเวลพาส ของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นกับกลุ่มที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว ดังนั้นทางภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวใน ประเทศไทย หวังที่จะให้ภาครับมีแนวทางที่ชัดเจน ทั้งพื้นที่ที่มีความพร้อม ช่วงเวลาที่จะเปิดประเทศ เนื่องจากถ้าภาครัฐไม่มีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนผู้ประกอบการภาคเอกชนก็ไม่กล้าขยับ ไม่กล้าที่จะเรียกพนักงานกลับมาทำงาน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งสายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร รถขนส่ง เป็นต้น ประกาศไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ทั้งนี้ นาย วิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้า กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลประกาศไทม์ไลน์ที่ชัดเจน เพื่อให้คนทั่วโลกที่ฉีดวัคซีนแล้วรู้ว่าสามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้แบบไม่กักตัวในช่วงครึ่งปีหลัง และติดตามข่าวสาร ศึกษาโปรแกรมสำหรับเที่ยวประเทศไทยล่วงหน้า ไม่ไปซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวประเทศอื่น รวมทั้งผู้ประกอบการภาคเอกชนสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับการกลับมาให้บริการอีกครั้ง ซึ่งปกติใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนในการทำการตลาดล่วงหน้า สำหรับประเด็นที่น่าเป็นห่วง คือ ถ้าหากประเทศไทยประกาศนโยบายเปิดรับต่างชาติช้าจะทำให้นักท่องเที่ยวจากหลายๆ ประเทศ ซึ่งเวลานี้ผู้ประกอบการหลายแห่งได้รับการสอบถามมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก ทั้งจากประเทศสหรัฐอเมริกา จีน และประเทศอื่น ๆ ถึงเงื่อนไขที่ประเทศไทยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว และเข้ามาท่องเที่ยวได้โดยไม่มีการกักตัว เพราะถ้าไม่มีคำตอบที่ชัดเจน นักท่องเที่ยวเหล่านี้อาจจะไปจองเส้นทางท่องเที่ยวอื่น ๆ แทน เท่ากับว่าประเทศไทยจะเสียโอกาสรับกลุ่มนี้ไป นทท.เข้ามาในไตรมาส 3 ด้านนายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทารา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ผู้บริหารโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา กล่าวว่าประเมินภาพรวมของธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวสำหรับปีนี้ด้วยว่า เชื่อว่าโดยรวมทั้งปีตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเริ่มเดินทางท่องเที่ยวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง หรือประมาณไตรมาส 3 เป็นต้นไป เริ่มจากนักท่องเที่ยวจากในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย จากนั้นนักท่องเที่ยวระยะไกลจากยุโรป อเมริกาจะเริ่มทยอยเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 โดยมีปัจจัยบวกเรื่องของวัคซีนที่เริ่มกระจายฉีดแล้วทั่วโลก ทั้งนี้ นายธีระยุทธ กล่าวว่า อยากเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วให้เข้ามาท่องเที่ยวได้โดยไม่มีการกักตัวและเร่งฉีดวัคซีนให้กับคนไทยในประเทศด้วยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติด้วย เพื่อสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะเวลานี้แนวโน้มความต้องการท่องเที่ยวยังมีอยู่ และท่องเที่ยวไทยจะกลับมาได้แน่นอน ถ้าทุกคนมีความมั่นใจ หากรัฐบาลเปิดประเทศช้าภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมจะยิ่งได้รับความเสียหายหนัก และจะทำให้ประเทศเสียโอกาสในด้านการแข่งขัน หากประเทศเพื่อนบ้านสามารถเปิดได้ก่อน เร่งฉีดวัคซีนโควิดทั่วประเทศ ขณะที่ นายโชติช่วง ศูรางกูร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหนุ่มสาวทัวร์จำกัด กล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิดอาจจะช่วยบรรเทาเรื่องของการแพร่ระบาดแน่นอน แต่ในเรื่องท่องเที่ยว ถ้าประชากรในเมืองไทยยังไม่ได้รับวัคซีนที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ชาวต่างชาติก็อาจจะไม่กล้าเข้ามามากนัก ซึ่งคนไทยก็ออกไปต่างประเทศไม่ได้ กลายเป็นหลุมดำ จากที่เคยเป็นหลุมทอง ของภูมิภาคนี้ และถ้าประเทศเพื่อนบ้านที่มีแหล่งธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ที่ใกล้เคียงกับไทย มีความพร้อมมากกว่าในเรื่องของวัคซีนก็น่าจะได้รับอานิสงค์ของผลบวกจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่จะเดือนทางท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดย นายโชติช่วง ยังได้กล่าวถึงการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวของไทย ว่า น่าจะออกมาในรูปแบบ 1. travel bubbles ระหว่างประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ประเทศที่ได้รับวัคซีนกันแล้วถึงจุดที่ปลอดภัยจะเชื่อมเข้าหากันได้ คนของประเทศกลุ่มเหล่านี้ จะได้เป็นกลุ่มที่เริ่มเดินทางได้ก่อน และกระตุ้นความอยากของคนในประเทศที่ยังไม่พร้อมเดินทาง 2. Vaccine passport ต้องมา เหมือนที่ไทยยังต้องฉีดวัคซีนไข้เหลือง (Yellow Fever) เมื่อจะเดินทางไปประเทศบางประเทศ สำหรับโควิดที่เป็นระดับ pandemicก็คงไม่ต่างกัน คนที่จะเดินทางข้ามประเทศได้ต้องฉีดครบโดส ไม่ว่าจะหนึ่งหรือสองตามคุณภาพของแต่ละบริษัท