ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 พีเอ็ม ของแม่ฮ่องสอน ทะลักพรวดสูงถึง 162 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (เกณฑ์มาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) สูงที่สุดในภาคเหนือ และมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างหนัก
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 เวลา 10.00 น.กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศพื้นที่ภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน ณ สถานีตรวจวัด บริเวณต.จองคำ อ.เมือง ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ได้ เท่ากับ 162 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (เกณฑ์มาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) อยู่ในระดับ “มีผลกระทบต่อสุขภาพ” ถือว่าสูงที่สุดในภาคเหนือ เป็นค่าสูงสุดที่วัดได้นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นมา ปัจจุบัน ค่า PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เกินเกณฑ์มาตรฐาน จำนวน 12 วัน
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์และคุณภาพอากาศประเทศไทยของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าช่วงนี้มีค่า "ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5" เกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งกลุ่มเสี่ยงจะเกิดการเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป หากสัมผัสฝุ่นละอองปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน ขอให้ลดระยะเวลาในการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เมื่อมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน และใช้อุปกรณ์ป้องกัน โดยการสวมหน้ากาก แว่นตา เสื้อแขนยาวขายาว เนื่องจากฝุ่นจะทำให้เกิดการระคายเคืองตาและผิวหนังได้ และดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองคอ แสบคอ
ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษมี 2 กลุ่มใหญ่ ที่ต้องป้องกันตนเองจากฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างเหมาะสมและทันเวลา ก่อนที่จะเกิดการเจ็บป่วย ได้แก่ กลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์กลุ่มที่มีโรคประจำตัว เมื่อได้รับฝุ่นจะเสี่ยงมีอาการรุนแรงได้ เช่น ผู้ป่วยภูมิแพ้ ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยโรคตาอักเสบ เป็นต้น หากสงสัยหรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว