วันที่ 4 มี.ค.ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. กล่าวว่าเนื่องด้วยได้มีการประกาศ ผ่านโซเชียลต่างๆ นัดหมายชุมนุม 1.กลุ่มแนวร่วมแดงก้าวหน้า 63 ที่บริเวณโลตัสรังสิต และเคลื่อนขบวนมา ที่บริเวณกรมทหารราบที่ 11 ในวันเสาร์ที่ 6 มี.ค.64 ในเวลา 13.00 น. และ 2.กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันเสาร์ที่ 6 มี.ค.64 ในเวลา 17.00 น. เป็นต้นไปนั้น ขอแจ้งให้ประชาชนที่จะมาเข้าร่วมการชุมนุมในวัน-เวลาดังกล่าวนั้น ทราบว่าท่านอาจมี ความผิดและได้รับโทษตามกฎหมาย ดังต่อไปนี้
1.การร่วมกันชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด เป็นความผิดตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.การกระทำใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ที่เป็นเหตุให้เกิดโรคติดต่ออันตราย หรือโรคแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 34(6),51 ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
3.ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยก าลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 มาตรา 4 ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 200 บาท
4.ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ในบ้านเมือง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
5.เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไป แล้วผู้ใดไม่เลิก เป็นความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 216 ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ
6.ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์สินให้เกิดความเสียหาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 140,000 บาท
7.การทำให้ทรัพย์สินสาธารณะประโยชน์เสียหาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ