ซินเน็คฯ ผู้จัดจำหน่ายสินค้าเทคโนโลยีรายใหญ่ในประเทศ เดินหน้าขยายพอร์ตสินค้านวัตกรรมตอบสนองความต้องการผู้บริโภค ตั้งเป้าปี 64 รักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่าปีก่อน บนรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตอยู่ในช่วงร้อยละ 10-15 หลังโชว์งบปี 63 กำไรมาตามนัด เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22.53 อยู่ที่ 642 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จะลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ 32,149 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเน้นทำกำไรให้ดีขึ้นท่ามกลางความต้องการสินค้าไอทีเพิ่มสูงขึ้น การแข่งขันลดลง และการจัดหาแบรนด์สินค้าใหม่มาร์จิ้นสูงเข้ามาจำหน่าย ควบคู่การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.38 ด้านบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งปีหลังของปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท กำหนดจ่าย 14 พฤษภาคมนี้
น.ส.สุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SYNEX) ในฐานะดิสทริบิวเตอร์ไอทีอันดับ 1 ของประเทศไทย เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจปี 2564 ประเมินตลาดไอทีจะกลับมาเติบโตอย่างเต็มที่ หลังปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบในแง่สินค้าขาดตลาด รับวิถีชีวิตใหม่ของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสินค้าเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น มองอุปทานสินค้าจะเริ่มกลับมาเป็นปกติ สนับสนุนการเติบโตของตลาดคอนซูเมอร์ และองค์กรธุรกิจ รวมถึงนโยบายการลงทุนจากภาครัฐบาล ผลักดันเป้าหมายรายได้ในปีนี้จะเติบโตในช่วงร้อยละ 10-15 จากปีก่อนทำได้ 32,148.70 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่าปีก่อน
ทั้งนี้ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าขยายพอร์ตสินค้าเพื่อเตรียมพร้อมรับตลาดที่เติบโต ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และผลักดันสินค้าที่มีอัตรากำไรดีต่อเนื่อง ล่าสุด ซินเน็คฯ ได้จับมือแบรนด์ชั้นนำอย่าง realme พร้อมจำหน่าย และให้บริการหลังการขายผลิตภัณฑ์ realme ในกลุ่มสินค้า AIoT หวังเติมเต็มพอร์ตสินค้าไลฟ์สไตล์ให้แข็งแกร่งขึ้น และได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มคอมเมอร์เชียล ขยายตลาดเครื่องชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charger ให้แก่เดลต้า (Delta) ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดนี้ สอดรับเทรนด์อุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า (EV) นอกจากนี้ ตลาดเกมมิ่งยังคงเป็นตลาดที่ซินเน็คฯ ให้ความสำคัญ เนื่องจากมีมูลค่าสูงและเติบโตอย่างรวดเร็ว ล่าสุด ซินเน็คฯ ได้แต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่าย Nintendo เพื่อขยายตลาดเกมคอนโซลในประเทศไทย สนับสนุนพอร์ตเกมมิ่งของซินเน็คฯ ให้แข็งแรงขึ้น โดยคาดจะเริ่มจำหน่ายในช่วงไตรมาส 2/2564
สำหรับผลประกอบการงวดประจำปี 2563 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563) มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2563 เท่ากับ 641.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.53 จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีการบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมถึงต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในการร่วมค้าก็มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากฐานทุนที่เพิ่มขึ้น จากการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงปลายปี
ขณะที่มีรายได้จากการดำเนินงานสำหรับปี 2563 เท่ากับ 32,148.70 ล้านบาท ลดลงประมาณร้อยละ 7.63 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) และสินค้าในกลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่หดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลมาจากอุปทานที่มีอย่างจำกัดของโทรศัพท์เคลื่อนที่ Huawei ซึ่งการลดลงบางส่วนได้ถูกชดเชยจากการเติบโตอย่างสูงของสินค้า Apple อย่างไรก็ตาม ความต้องการสินค้าไอทีเพิ่มขึ้นอย่างมากภายหลังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงไตรมาสที่ 2/2563 ส่งผลให้อุปทานของสินค้าหลายประเภท เช่น คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ระบบการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอจอภาพ เครื่องพิมพ์และหมึก และชิ้นส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น อยู่ในภาวะตึงตัว แต่ซินเน็คฯ สามารถรักษารายได้ของสินค้าไอทีให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน
ส่วนต้นทุนจากการดำเนินงานสำหรับปี 2563 เท่ากับ 30,740.99 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 8.17 และมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 4.38 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.82 ในปีก่อน โดยซินเน็คฯ เน้นการทำกำไรให้ดีขึ้นในภาวะที่อุปทานของ สินค้าหลายประเภทตึงตัว อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าจากแบรนด์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเดิมเพิ่มเติม เช่น Tecno Mobile, Razer, EPOS, Fujifilm Instax, Zircon เป็นต้น ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเท่ากับ 1,407.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 5.92 ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในปี2563 เท่ากับ 850.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.07 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.65 ของรายได้รวม เทียบกับร้อยละ 2.39
ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำการเป็นหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสม่ำเสมอ และตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.54 บาท คิดเป็นเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 457.58 ล้านบาท โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท โดยจะจ่ายเงินปันผลส่วนที่เหลือของปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 9 มีนาคมนี้ และกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่14 พฤษภาคม 2564 หากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22 เมษายน 2564
“ในปี 2563 เป็นปีที่ท้าทาย แต่ซินเน็คฯสามารถผลักดันกำไรให้เติบโตขึ้นจากการบริหารจัดการ Product Mix ที่หลากหลาย ครอบคลุมแบรนด์ชั้นนำในตลาด โดยปัจจุบันซินเน็คฯ มีสัดส่วนรายได้จากโทรศัพท์มือถือแบรนด์ชั้นนำรวมอยู่ที่ประมาณ 40% สำหรับอีก 40% มาจากตลาดคอนซูเมอร์ ซึ่งจะรวมทั้งกลุ่มเกมมิ่ง แก็ดเจ็ต และส่วนที่เหลือจะเป็นตลาดคอมเมอร์เชียล หรือลูกค้าโครงการต่างๆ ซึ่งประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา และเป็นโอกาสขยายตลาดต่อเนื่องในปีนี้ ด้วยจุดแข็ง ซินเน็คฯ มีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และโอกาสในยุค 5G ทำให้มีการลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีและสินค้ากลุ่มเน็ตเวิร์คเพิ่มขึ้น”