เมื่อวันที่ 3 มี.ค.นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวถึงการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ3 ช่วงกลางเดือนมี.ค.ว่า ส่วนตัวจะเป็นหนึ่งเสียงที่ลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในวาระ3 เพราะเชื่อว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้มีเจตนาจะแตะหมวด1และ2 ที่ส.ว.ห้ามแก้ไข และมั่นใจว่า จะมีส.ว.เกิน 84เสียง ลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญวาระ3 เช่นเดียวกับตน เห็นได้จากการลงมติแก้รัฐธรรมนูญ วาระ2 เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2564 ในมาตรา256/13 เรื่องการห้ามส.ส.ร.แก้ไขหมวด1และ2 ที่ส.ว.พยายามให้เพิ่มเติมข้อความว่า ให้รวมถึงการห้ามส.ส.ร.แก้ไขเนื้อหาอีก 38มาตราที่เกี่ยวกับสถาบันเข้าไปในร่างรัฐธรรมนูญวาระ2ด้วย แต่ปรากฏว่า ที่ประชุมลงมติด้วยคะแนน 349 ต่อ200 ไม่ให้เพิ่มเติมถ้อยคำตามที่ส.ว.ต้องการลงไป แสดงให้เห็นว่า ส.ส.ยังมีเจตนาให้แตะการแก้หมวด1และ2 ได้ เพราะ349 เสียง ไม่ใช่มีแค่เสียงฝ่ายค้าน แต่ยังมีเสียงพรรคร่วมรัฐบาลร่วมอยู่ด้วย ส.ว.หลายคนเห็นตรงกันว่า ควรโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญวาระ3 เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ส่วนจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดชุมนุมใหญ่ของม็อบราษฎรตามมาหรือไม่นั้น อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด บ้านเมืองจะขึ้นอยู่กับม็อบไม่ได้ ถ้าไปยอมตามม็อบกดดัน แล้วถ้าตนขนม็อบมาบ้าง ต้องทำตามตนหรือไม่ ถ้าส.ว.ปล่อยร่างรัฐ ธรรมนูญผ่านวาระ3ได้ การประท้วงจะไม่สิ้นสุด อีกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ และปกป้องสถาบันต้องออกมา กลายเป็นความขัดแย้งไม่สิ้นสุด ยิ่งปล่อยไปความขัดแย้งยิ่งรุนแรง ส.ว.จึงปล่อยผ่านไม่ได้ ยืนยัน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.กล่าวว่า ดูแนวโน้มการโหวตรัฐธรรมนูญวาระ 3แล้ว น่าจะมีเสียงส.ว.เห็นชอบไม่ถึง 84เสียง ค่อนข้างแน่ โดยเห็นสัญญาณชัดเจนมาตั้งแต่การแก้รัฐธรรมนูญ วาระ2 ทั้งเรื่องจำนวนเสียงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ส.ว.เสนอไปให้ใช้เสียงที่ประชุมรัฐสภา 2ใน3 และกรณีการขอให้เพิ่มข้อความ ห้ามส.ส.ร.แก้ไข 38มาตราที่เกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจ ปรากฏว่า สิ่งที่ส.ว.เสนอไปแพ้โหวตทั้งหมด ทำให้ส.ว.เห็นตรงกันว่า จะไม่โหวตผ่านวาระ3 แต่ทั้งนี้คงต้องรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 4มี.ค.ก่อนว่าจะให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้หรือไม่ หากศาลระบุว่าแก้ไม่ได้ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ตกไปทันที