วันนี้ ( 3 มี.ค.64 ) ที่ศูนย์อนุรักษ์นกยุงไทย ต.ห้วยข้าวก่ำ อ.จุน จ.พะเยา เรืออากาศตรี อดุลย์ พรหมวาทย์ นายอำเภอจุน เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมอนุรักษ์นกยูงไทย ปี 2564 โดยมีนางวิลาวัลย์ ไชยมงคล ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอจุน พร้อมบุคลากรและองค์กรภาคีเครือข่ายให้การต้อนรับ
เรืออากาศตรี อดุลย์ กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจเจ้าหน้าที่ป่าไม้และพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเวียงลอ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าพญาลอ พบว่าในเขตภาคเหนือตอนบนมีข่วงนกยูงจะมากกว่า 300 จุดช่วงหน้าแล้ง จะพบนกยูงที่บริเวณข่วงนกยูงโดยเฉพาะอำเภอจุน “เนื่องจากหน้าแล้งพืชผลในป่าขาดแคลน และด้วยจำนวนประชากรนกยูงที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วทำให้อาหารไม่เพียงพอ นกยูงจึงออกมาหาอาหารนอกป่าเพื่อความอยู่รอด และบางส่วนจะออกมาหาที่ว่างในการผสมพันธุ์ และในฤดูฝนนกยูงจะกลับเข้าสู่ป่าเพื่อวางไข่” ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมาและทวีความรุนแรงขึ้น จากการเพิ่มจำนวนประชากรของนกยูง ประชาชนในพื้นที่ผู้ที่ได้รับความเสียหายมักจะแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการไล่และรุนแรงถึงกับฆ่านกยูง ซึ่งเป็นภัยต่อมรดกทางธรรมชาติและผิดกฎหมายเพราะนกยูงเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับนกยูง เพราะคนกับป่าล้วนเกี่ยวโยงกับการอนุรักษ์นกยูงไทย จึงได้เกิดโครงการฯนี้ขึ้น
ด้านนางวิลาวัลย์ เปิดเผยว่า จากปัญหาดังกล่าว ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอจุน จึงได้จัดกิจกรรมโครงการอบรมเพื่อเสริมร้างการมีส่วนร่วมอนุรักษ์นกยูงไทยขึ้น โดยความร่วมมือระหว่างผู้นำชุมชนท้องถิ่น ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษาในการจะนำ อำเภอจุนสู่การเป็น ‘เมืองรักษ์นกยูงไทย’ ซึ่งไม่ได้ปกป้องนกยูงอย่างเดียว แต่ยังทำให้ชาวบ้านมีความสำนึกและมีส่วนร่วมในการที่จะอนุรักษ์นกยูง กลายเป็นมิติการเชื่อมโยงระหว่าง ป่า ธรรมชาติ ชาวบ้าน และชุมชน มีแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ มีการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติข่วงนกยูงให้เป็นที่รู้จักและเป็นการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขระหว่างนกยูงกับคนในชุมชนที่เขาจะต้องอยู่ได้และอยู่ดีกินดีด้วย ‘คนอยู่ได้ นกยูงอยู่ได้ อย่างมีความสุข
เรืออากาศตรี อดุลย์ กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจเจ้าหน้าที่ป่าไม้และพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเวียงลอ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าพญาลอ พบว่าในเขตภาคเหนือตอนบนมีข่วงนกยูงจะมากกว่า 300 จุดช่วงหน้าแล้ง จะพบนกยูงที่บริเวณข่วงนกยูงโดยเฉพาะอำเภอจุน “เนื่องจากหน้าแล้งพืชผลในป่าขาดแคลน และด้วยจำนวนประชากรนกยูงที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วทำให้อาหารไม่เพียงพอ นกยูงจึงออกมาหาอาหารนอกป่าเพื่อความอยู่รอด และบางส่วนจะออกมาหาที่ว่างในการผสมพันธุ์ และในฤดูฝนนกยูงจะกลับเข้าสู่ป่าเพื่อวางไข่” ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมาและทวีความรุนแรงขึ้น จากการเพิ่มจำนวนประชากรของนกยูง ประชาชนในพื้นที่ผู้ที่ได้รับความเสียหายมักจะแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการไล่และรุนแรงถึงกับฆ่านกยูง ซึ่งเป็นภัยต่อมรดกทางธรรมชาติและผิดกฎหมายเพราะนกยูงเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับนกยูง เพราะคนกับป่าล้วนเกี่ยวโยงกับการอนุรักษ์นกยูงไทย จึงได้เกิดโครงการฯนี้ขึ้น
ด้านนางวิลาวัลย์ เปิดเผยว่า จากปัญหาดังกล่าว ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอจุน จึงได้จัดกิจกรรมโครงการอบรมเพื่อเสริมร้างการมีส่วนร่วมอนุรักษ์นกยูงไทยขึ้น โดยความร่วมมือระหว่างผู้นำชุมชนท้องถิ่น ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษาในการจะนำ อำเภอจุนสู่การเป็น ‘เมืองรักษ์นกยูงไทย’ ซึ่งไม่ได้ปกป้องนกยูงอย่างเดียว แต่ยังทำให้ชาวบ้านมีความสำนึกและมีส่วนร่วมในการที่จะอนุรักษ์นกยูง กลายเป็นมิติการเชื่อมโยงระหว่าง ป่า ธรรมชาติ ชาวบ้าน และชุมชน มีแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ มีการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติข่วงนกยูงให้เป็นที่รู้จักและเป็นการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขระหว่างนกยูงกับคนในชุมชนที่เขาจะต้องอยู่ได้และอยู่ดีกินดีด้วย ‘คนอยู่ได้ นกยูงอยู่ได้ อย่างมีความสุข