“ศบค.” เตรียมปรับลดขั้นตอนรับวัคซีนให้รวดเร็วขึ้น พร้อมรับมือผลข้างเคียงรุนแรง หลังพบผู้แพ้วัคซีนรายแรก เผย “สธ.” ไม่ปิดกั้นวัคซีนยี่ห้ออื่นเข้าไทย
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 มี.ค. 64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า การประชุมเมื่อเช้าที่ผ่านมา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เข้าร่วมประชุม ได้ให้ความสำคัญ และขอบคุณเรื่องการฉีดวัคซีนที่ผ่านมา ส่วนเรื่องการจัดการบริการ 8 ขั้นตอน ต้องสร้างความเท่าเทียม และทำให้เกิดภาพที่แสดงถึงการบริการประชาชนอย่างแท้จริง ที่สำคัญวัคซีนตัวนี้ บางรายมีรายงานในเรื่องของผลข้างเคียง ดังนั้น ครึ่งชั่วโมงก็ต้องดูแล มีการรายงานมีบุคลากรทางการแพทย์ มีการแพ้ยา และมีการแพ้วัคซีน แต่ได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ซึ่งเวลา 15.00 น. กระทรวงสาธารณสุข จะมีการแถลงถึงกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะนำเป็นอุทาหรณ์ในการช่วยรายอื่น ๆ ต่อไป นอกจากนี้ยังต้องมีการปรับขั้นตอน ลดขั้นตอนการรอคอย การรวมกลุ่มกันมาก ๆ เน้นความรวดเร็ว ปลอดภัย และพร้อมรับผลกระทบจากผลข้างเคียงที่มีความรุนแรงขึ้นมา ขอฝากให้ผู้บริหารระดับสูงทั่วทุกจังหวัดที่ได้รับวัคซีนช่วงแรกนี้ไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมเน้นย้ำว่ากระทรวงสาธารณสุข ไม่ปิดกั้นเรื่องการให้วัคซีนยี่ห้ออื่นที่จะเข้ามาลงทะเบียนในประเทศไทย จะมีการให้นโยบายกับเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ให้ชุดข้อมูลนี้ต่อภาคเอกชน เพื่อสร้างความรวดเร็วในกลุ่มที่ไม่ได้มีความเสี่ยง หรือไม่ได้เป็นกลุ่มแรก ๆ แต่มีโอกาสที่จะเข้าถึงการได้รับวัคซีน ขณะที่ รมช. สาธารณสุข ระบุว่า การควบคุมโรคกับการฉีดวัคซีน ต้องการเน้นการสื่อสารในทุกระดับ จึงฝากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกท่านที่ได้รับวัคซีนชุดแรก ๆ สื่อสารกับประชาชน ซึ่งหลายคนลดความกลัว และกังวลลงไปมาก แต่เมื่อฉีดจำนวนมากขึ้น ผลข้างเคียงก็อาจจะเจอมากขึ้น ก็จะต้องพยายามจัดสมดุลการรับรู้ของประชาชน ขณะเดียวกัน ไม่ละเลยเรื่องข้างเคียงที่จะต้องแจ้งให้ทราบอยู่ตลอดเช่นเดียวกัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กสนับสนุนเรื่องการขับเคลื่อนการเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 โดยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รายงานสถานการณ์ภาพรวมว่าสถานการณ์ขณะนี้เราควบคุมได้ และมีวัคซีนเข้ามาต่อเนื่อง จึงอยากให้ภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ ผู้จัดกิจกรรม ทำความเข้าใจกับมาตรการต่างๆ ที่จะออกมา อย่างกรณีการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกที่ ศบค.อนุญาตให้มีผู้เข้าชม 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ผู้จัดขอทดลองให้มีผู้เข้าชม 25 เปอร์เซ็นต์ จึงขอชื่นชมผู้จัดที่เข้าใจและพยายามปรับตัว เราไม่หวังให้เป็นศูนย์ แต่จัดสมดุลเรื่องตัวเลข มาตรการการผ่อนคลายให้เดินหน้าไปได้