PRM โชว์ผลการดำเนินงานปี 63 เติบโต 51.5% จากปี 62 โดยทำกำไรสุทธิ 1,701.6 ล้านบาท สอดคล้องกับนโยบายในการบริหารและการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์อุตสาหกรรม โดยมีธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บ หรือ “FSU” เป็นหัวหอกดันการเติบโตพุ่ง ขณะที่บอร์ดฯ เห็นชอบการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2563 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ด้านผู้บริหารมั่นใจปีนี้เติบโตต่อเนื่อง 10-15% ตามแผนการขยายธุรกิจ
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (“PRM”) ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้ในปี 2563 จะมีปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ COVID-19 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่จากศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PRM ที่แข็งแกร่งจากโครงสร้างธุรกิจและประเภทของเรือที่หลากหลาย ตลอดจนประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในฐานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทสามารถปรับแผนเพื่อรองรับการชะลอตัวของอุตสาหกรรม และปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากระทบ และนำพาองค์กรไปสู่การเติบโตได้ตามแผน
โดยผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,701.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 1,122.5 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยมาจากการปรับกลยุทธ์ในแต่ละกลุ่มธุรกิจให้เหมาะสมตามอุตสาหกรรม โดยธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมกลางทะเล (“FSU”) เป็นกลุ่มที่มีอัตราเติบโตโดดเด่น ซี่งมาจากการใช้บริการของเรือจำนวน 8 ลำ การปรับอัตราค่าบริการในกักเก็บและผสมน้ำมันฯ และอัตราการใช้บริการที่เต็ม 100%
ขณะที่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปภายในประเทศ ได้ปรับแนวทางดำเนินงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และการเดินทางระหว่างประเทศที่ลดลง โดยมุ่งเน้นรักษาอัตราการใช้เรือภายในกลุ่มฯให้อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยที่มากกว่า 90% และบริหารการใช้เรือ Outsource ให้เหมาะสม จึงทำให้ผลการดำเนินงานยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะที่กลุ่มธุรกิจอื่นๆยังคงรักษาความสามารถในการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเช่นกัน
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันงวดผลการดำเนินงานปี 2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.25 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท ดังนั้นบริษัทคงเหลือจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานในปี 2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้นอีก 0.18 บาทต่อหุ้น โดยแบ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในอัตรา 0.016 บาทต่อหุ้น และจ่ายจากกำไรสุทธิส่วนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (NON-BOI) ในอัตรา 0.164 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลในครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 450 ล้านบาท โดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 โดยจะเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 (AGM) เพื่อขอการอนุมัติต่อไป
ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM กล่าวต่อว่า การดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 10-15% โดยในปี 2564 บริษัทมีแผนงานในการขยายธุรกิจในทุกประเภทกลุ่มธุรกิจของ PRM ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปทั้งในและระหว่างประเทศ ธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บหรือ FSU และ ธุรกิจเรือขนส่งและสนับสนุนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเลหรือ Offshore เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมกันนี้ PRM จะเดินหน้าลงทุนเพื่อขยายขีดความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจรวมถึงแสวงหาโอกาสการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ เพื่อเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น