สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บรรดานักภูมิคุ้มกันวิทยา จากสมาคมภูมิคุ้มกัน ประเทศเยอรมนี เปิดเผยผลการศึกษาติดตามหลังการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ขนานต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ก่อนระบุว่า วัคซีนขนานของบริษัทแอสตราเซเนกา ที่วิจัยพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ สามารถนำไปฉีดให้แก่ผู้สูงอายุได้ โดยบรรดานักภูมิคุ้มกันวิทยาในเยอรมนี อ้างอิงถึงผลการศึกษาของสาธารณสุขสกอตแลนด์ ที่ติดตามหลังการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดฯ โดสแรกให้แก่ประชาชนช่วงวัยต่างๆ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ด้วยกัน ปรากฏว่า ผู้ได้รับวัคซีนขนานของบริษัทไฟเซอร์ สหรัฐฯ ที่วิจัยพัฒนาร่วมกับบริษัทไบโอเอ็นเทค เยอรมนี มีอัตราการเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคโควิดฯ ลดลงร้อยละ 85 ส่วนผู้ได้รับวัคซีนขนานของบริษัทแอสตราเซเนกา ที่วิจัยพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ มีอัตราการเข้าโรงพยาบาลลดลงถึงร้อยละ 94 ในจำนวนเป็นกลุ่มผู้สูงวัย ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป มีอัตราการเข้าโรงพยาบาลลดลงร้อยละ 81 ทั้งนี้ จากผลการศึกษาติดตามดังกล่าว ทำให้บรรดานักภูมิคุ้มกันวิทยาในเยอรมนี เรียกร้องต่อรัฐบาลเยอรมนี เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจก่อนหน้านี้ ที่ไม่แนะนำให้ผู้สูงวัยในประเทศฉีดวัคซีนขนานของบริษัทแอสตราเซเนกา/มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนที่สูงวัยเหล่านี้ พร้อมกันนี้ นักภูมิคุ้มกันวิทยา ยังได้เรียกร้องให้นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี วัย 66 ปี ฉีดวัคซีนขนานดังกล่าว และถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยแก่ประชาชน