ต้นตอฝุ่นพุ่งทั้งเหนือ อีสาน กทม. ภาคกลาง ภาคตะวันตก ผู้เชี่ยวชาญชี้เผากันสนั่นส่งท้ายเดือน แชมป์ภูมิภาค โดยจุดความร้อนสูงสุดอยู่ที่นาข้าว 45% ตามด้วยข้าวโพด ไร่หมุน เวียน อ้อย และอื่นๆ
รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญงานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเกษตร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ “เช้านี้ (1 มี.ค. 64) อ่วมฝุ่นพิษจากเผากันสนั่นส่งท้ายเดือน วันนี้ไทยแชมป์เผาในภูมิภาค! ฝุ่นพิษ PM2.5 (สารก่อมะเร็งกลุ่ม 1) มีค่าสูงในหลายพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันตก (ภาพที่ 1 และ 2)
สรุปตั้งแต่ 1 ม.ค.-28 ก.พ.64 จำนวนจุดความร้อนที่รายงานโดย GISTDA มีจำนวนมากที่สุดในพื้นที่ป่า รองลงมาคือ นาข้าว อ้อย และข้าวโพดและไร่หมุนเวียน คิดเป็น 56% 18% 5% และ 5% ตามลำดับ โดยรวมช่วง 2 เดือนภาคเกษตรมีสัดส่วน 38% ของจำนวนจุดความร้อนทั้งหมด (ภาพที่ 3)
หากพิจารณาเฉพาะจุดความร้อนจากการเผาในภาคเกษตรเท่านั้นจะพบว่า จุดความร้อนจากนาข้าวยังคงนำโด่งอยู่ที่ 45% ตามด้วยข้าวโพดและไร่หมุนเวียน 14% อ้อย 13% และเกษตรอื่น 28% ของจำนวนจุดความร้อนทั้งหมดในภาคเกษตร (ภาพที่ 4) สังเกตว่านาข้าวในภาคเกษตรยังคงเป็นแหล่งกำเนิดหลักของฝุ่นพิษ
ดังนั้น มาตรการควรเน้นไปที่นาข้าวให้มากขึ้นไม่ควรเน้นแค่อ้อยอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นฝุ่นพิษในกรุงเทพฯและปริมณฑลยังคงหนักต่อไป ส่วนการเผาในพื้นที่ป่ามาลองดูกันนะครับว่ามาตรการสั่งการแบบ single command จะใช้ได้ผลหรือไม่ การจัดระเบียบการเผาควรเร่งทำให้มากขึ้น
กลุ่มเสี่ยง เด็ก คนสูงวัย และสตรีมีครรภ์ ควรงดกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงนี้นะครับ อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่นได้ ก่อนออกจากบ้านและไม่ประมาทกับมัจจุราชมืดนะครับ ท่านใดสนใจเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ สามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติกำกับดูแลการจัดการอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพแบบบูรณาการ ได้ตามลิ้งค์นี้นะครับ https://thailandcan.org/ร่วมลงชื่อเสนอร่าง-พ.ร.บ.”