28 ก.พ.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ผ่านมาในวันมาฆบูชา มีเหตุขโมยของวัด โดยคณะลูกศิษย์และคณะกรรมการวัดฯเผยเรื่องราวพฤติกรรของหัวขโมยใจบาปที่ออก อาละวาด งัดตู้เงินบริจาคและงัดห้องเก็บของที่ภายในมีผ้าไตรจีวร จำนวนกว่า200ผืน มูลค่าตามท้องตลาดผืนละ1,000-3,000บาท จนเกลี้ยงตู้ที่มีการล็อคกุญแจไว้อย่างแน่นหนา มูลค่ารวมกว่า100,000บาท ที่วัดป่าเขาวง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ เขตท้องที่ สภ.บ้านเขว้า
จึงได้เดินทางไปพบกับตัวแทนคณะกรรมการวัดดังกล่าว ในที่เกิดเหตุเป็นศาลาไม้ชั้นเดียวกลางศาลาพบตู้บริจาคเป็นเหล็กภายในพบเงินที่ยังคงเหลือ รวมจำนวน200บาท ขณะเดียวกันที่ศาลาใหญ่ภายในวัดหลังพระประธานใหญ่ ที่ห้องเก็บของพบตู้ขนาดใหญ่ซึ่งเดิมเคยเป็นที่เก็บของผ้าไตรจีวรและของมีค่าอีกจนแน่นตู้ แต่กับพบว่าโล่งไม่มีอะไรเหลืออยู่
เบื้องต้นจากการสอบถามแม่เพชร อายุ 55 ปี หนึ่งในผู้ดูแลวัดแห่งนี้ เปิดเผยว่าเมื่อช่วงวันมาฆบูชาที่ผ่านมาตนเองพร้อมด้วยคณะกรรมการวัดป่าเขาวง ร่วมเปิดตู้บริจาคเพื่อที่จะเปิดเอาเงินมานับเพื่อทำบัญชีที่มีญาติโยมร่วมบริจาคให้กับทางวัดไว้ใช้ เป็นค่าใช้จ่าย แต่พอเปิดดูภายในตู้บริจาคก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อพบร่องรอยถูกงัดถูกล้วง เงินบริจาคไปจนเกลี้ยงเหลือเพียงเศษตังค์เหรียญและธนบัตรใบละ 20บาท รวมจำนวน 200 บาท ก่อนที่จะทราบอีกว่าผ้าไตรจีวรในตู้ที่มีจำนวนมากจนไม่สามรถยัดเข้าตู้ได้หายไปเกือบทั้งหมด มากกว่า 200 ผืน มูลค่ากว่า 100,000 บาท
จึงคิดย้อนหลังได้ข้อสังเกตว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีคนขับรถยนต์ขึ้นมาบนวัดซึ่งอยู่ห่างไกลหมู่บ้านตั้ง7-8กม.เพื่อมาถามขอซื้อผ้าไตรจีวร แต่ก็ได้ตอบ ปฏิเสธไปว่าทางวัดมีนโยบายอย่างชัดเจน จากทางเจ้าอาวาสไว้แล้วว่าสิ่งของที่ผู้คนนำมาทำบุญบริจาคให้กับวัดแห่งนี้ หากจะต้องมีการขายแม้กระทั่งเศษขวดพลาสติกก็ยังต้องดำเนินการเป็นขั้นตอนให้มีคณะกรรมการวัดรับทราบ ไม่ต่างกันกับผ้าไตรจีวรดังกล่าวซึ่งเก็บรักษาไว้ในห้องมีกุญแจล็อค และมีผู้ที่สามารถเปิดได้โดยเป็นผู้ถือกุญแจเพียง 2-4 คนเท่านั้น แต่ก็ยังหายไปได้ ทั้งยังไม่มีนโยบายจำหน่ายผ้าไตรจีวรอีกด้วยเนื่องจากวัดแห่งนี้จะเก็บ ผ้าไตรจีวรจากการ ทำบุญและบริจาคจากญาติโยม ทุกปี และจะรวบรวมเก็บไว้ เพื่อให้ กับผู้ที่เดือดร้อนหรือวัดที่ขาดแคลน และเพื่อให้ญาติโยมยืมไปร่วมงานบุญในวัดต่างๆที่ไม่มีผ้าไตรจีวร โดยเสร็จงานก็จะนำมาคืนไว้ที่เดิม จึงเป็นการยืนยันได้ว่าผ้าไตรจีวรเกือบ 200 ผืนไม่ได้มีการนำมาขายแต่อย่างใด และผ้าไตรจีวรหายไปได้อย่างไร
จึงอยากฝากไปถึงผู้ที่รับซื้อหรือผู้ที่นำไปขาย อย่าทำให้ญาติโยมเสื่อมศรัทธา เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของครูบาอาจารย์ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย การมาที่วัดแห่งนี้จึงอยากให้เข้ามาเพื่อการแสวงหาธรรมและการทำบุญอันเป็นกุศล มิใช้มาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ผิด และฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยตามจับกุมหรือติดตามตัวผู้ก่อเหตุ รายนี้มาลงโทษทางกฎหมายที่ด้วยต่อไป
เบื้องต้นจากการสอบถามแม่เพชร อายุ 55 ปี หนึ่งในผู้ดูแลวัดแห่งนี้ เปิดเผยว่าเมื่อช่วงวันมาฆบูชาที่ผ่านมาตนเองพร้อมด้วยคณะกรรมการวัดป่าเขาวง ร่วมเปิดตู้บริจาคเพื่อที่จะเปิดเอาเงินมานับเพื่อทำบัญชีที่มีญาติโยมร่วมบริจาคให้กับทางวัดไว้ใช้ เป็นค่าใช้จ่าย แต่พอเปิดดูภายในตู้บริจาคก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อพบร่องรอยถูกงัดถูกล้วง เงินบริจาคไปจนเกลี้ยงเหลือเพียงเศษตังค์เหรียญและธนบัตรใบละ 20บาท รวมจำนวน 200 บาท ก่อนที่จะทราบอีกว่าผ้าไตรจีวรในตู้ที่มีจำนวนมากจนไม่สามรถยัดเข้าตู้ได้หายไปเกือบทั้งหมด มากกว่า 200 ผืน มูลค่ากว่า 100,000 บาท
จึงคิดย้อนหลังได้ข้อสังเกตว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีคนขับรถยนต์ขึ้นมาบนวัดซึ่งอยู่ห่างไกลหมู่บ้านตั้ง7-8กม.เพื่อมาถามขอซื้อผ้าไตรจีวร แต่ก็ได้ตอบ ปฏิเสธไปว่าทางวัดมีนโยบายอย่างชัดเจน จากทางเจ้าอาวาสไว้แล้วว่าสิ่งของที่ผู้คนนำมาทำบุญบริจาคให้กับวัดแห่งนี้ หากจะต้องมีการขายแม้กระทั่งเศษขวดพลาสติกก็ยังต้องดำเนินการเป็นขั้นตอนให้มีคณะกรรมการวัดรับทราบ ไม่ต่างกันกับผ้าไตรจีวรดังกล่าวซึ่งเก็บรักษาไว้ในห้องมีกุญแจล็อค และมีผู้ที่สามารถเปิดได้โดยเป็นผู้ถือกุญแจเพียง 2-4 คนเท่านั้น แต่ก็ยังหายไปได้ ทั้งยังไม่มีนโยบายจำหน่ายผ้าไตรจีวรอีกด้วยเนื่องจากวัดแห่งนี้จะเก็บ ผ้าไตรจีวรจากการ ทำบุญและบริจาคจากญาติโยม ทุกปี และจะรวบรวมเก็บไว้ เพื่อให้ กับผู้ที่เดือดร้อนหรือวัดที่ขาดแคลน และเพื่อให้ญาติโยมยืมไปร่วมงานบุญในวัดต่างๆที่ไม่มีผ้าไตรจีวร โดยเสร็จงานก็จะนำมาคืนไว้ที่เดิม จึงเป็นการยืนยันได้ว่าผ้าไตรจีวรเกือบ 200 ผืนไม่ได้มีการนำมาขายแต่อย่างใด และผ้าไตรจีวรหายไปได้อย่างไร
จึงอยากฝากไปถึงผู้ที่รับซื้อหรือผู้ที่นำไปขาย อย่าทำให้ญาติโยมเสื่อมศรัทธา เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของครูบาอาจารย์ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย การมาที่วัดแห่งนี้จึงอยากให้เข้ามาเพื่อการแสวงหาธรรมและการทำบุญอันเป็นกุศล มิใช้มาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ผิด และฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยตามจับกุมหรือติดตามตัวผู้ก่อเหตุ รายนี้มาลงโทษทางกฎหมายที่ด้วยต่อไป