เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2564 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ เจ้าของเพจทูตนอกแถว แสดงความเห็นกรณีข่าวทูตพม่าประจำยูเอ็น แสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วประท้วงรัฐบาลทหารพม่า กลางเวทียูเอ็น โดยระบุว่า...นี่ก็ไม่เขียนถึงไม่ได้เช่นกัน…แด่เหล่านักการทูตผู้กล้าทั่วโลก ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับนักการทูตอยู่หลายข่าวที่อยากเอามาคุยกัน ข่าวแรก: เมี่อไม่กี่วันมานี้ นายลูก้า อัตตานาซิโอ เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศสาธารณรัฐคองโก เสียชีวิตระหว่างปฎิบัติหน้าที่ในขณะเดินทางไปเยี่ยมโรงเรียนแห่งหนึ่งในขบวนรถขององค์การอาหารโลกของสหประชาชาติ แต่ถูกลอบโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย ที่อยากบอกคือนักการทูตไม่น้อยที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงตายในพื้นที่อันตราย และนักการทูตก็ไม่ได้แบกอาวุธไปป้องกันตนเองแบบพวกทหารนะครับ และคนระดับเอกอัครราชทูตของประเทศต่างๆ ก็ต้องสละชีพมาแล้วนักต่อนัก ในอดีตระดับเอกอัครราชทูตของไทยเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ที่ประเทศอิรัก ซึ่งยังอยู่ในภาวะผลจากสงครามในขณะนั้น ติดต่อกันถึงสองท่าน รวมทั้งมีนักการทูตไทยที่ถูกระเบิดตกใส่ตายภายในสถานทูตไทยที่เวียงจันทน์ ในสมัยที่ลาวยังรบกันเองช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี ค.ศ.1975 และจะว่าไปตำแหน่งเอกอัครราชทูต ซึ่งคือผู้แทนทั้งองค์พระประมุขและรัฐบาล เทียบกับทหารก็ได้เท่าระดับนายพลชั้นสูง แต่เอาเข้าจริงในสถานการณ์สู้รบต่างๆ ก็มักจะเห็นนายทหารชั้นผู้น้อยเท่านั้นที่เสียชีวิตเป็นหลัก ระดับพลเอกที่ตายในขณะทำหน้าที่ศึกสงครามปกป้องประเทศชาติ มีสักกี่คนครับ? เผลอๆ ในโลกนี้ระดับทูตตายมากกว่าด้วยซ้ำ จึงอยากให้พวกทหารเลิกมาเที่ยวทวงบุญคุณการปกป้องรักษาเอกราชประเทศชาติอะไรนี่เถอะครับ พวกเรานักการทูตทำมากกว่า และต้องสละแม้ชีพด้วย แต่เราถือว่านี่เป็นหน้าที่ของเรา ไม่เคยไปเที่ยวทวงบุญคุณกับประชาชนนะครับ ข่าวที่สอง: บรรดานักการทูตรัสเซียและครอบครัวต้องอพยพออกจากเกาหลีเหนือ ด้วยการนั่งรถไฟต่อรถบัส จนท้ายที่สุดต้องเดินทางข้ามพรมแดนด้วยการใช้รถรางโยกเอาเองด้วยมือ ในขณะที่ทหารตั้งอยู่ในประเทศตนเอง แต่นักการทูตต้องประจำการอยู่ทั่วโลก และในช่วงโควิด-19 ระบาดก็ต้องทำหน้าที่ช่วยเหลือคนชาติตนในประเทศนั้นๆ หลายครั้งก็เป็นไปอย่างทุลักทุเลเพราะความจำกัดทั้งกำลังคนและปัจจัยต่างๆ สารพัด นักการทูตหลายคนจากหลายประเทศทำหน้าที่จนติดโรคนี้ และเสียชีวิตไปแล้วหลายราย รวมทั้งระดับเอกอัครราชทูตด้วย ชีวิตของพวกเราไม่ใช่มีแค่ภาพหวานชื่นยืนตามงานเลี้ยงเพียงเท่านั้นนะครับ และก็แน่นอนว่าระดับนายพลไทยไม่เคยต้องเสี่ยงอะไร อ้อ นอกจากจะเอาเชื้อมาแพร่ให้คนไทยเสียเอง เช่นกรณีสนามมวย ข่าวสุดท้าย นาย Kyaw Moe Tun เอกอัครราชผู้แทนถาวรพม่าประจำสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก กล่าวแถลงต่อที่ประชุมนานาชาติ ต่อต้านการทำรัฐประหารและเรียกร้องให้ประชาคมโลกให้การสนับสนุนประชาธิปไตยและประชาชนพม่า อันนี้ถ้าไม่เรียกว่าคือความกล้าหาญอย่างยิ่งก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว ในแง่หนึ่งนี่คือความกล้าหาญที่ไม่ต่างกับการอยู่ในสมรภูมิรบ หรืออาจกล้าหาญกว่าด้วย เขามีเพียงแค่สองมือเปล่า จิตใจที่อยู่ข้างประชาชน และกระดูกสันหลังที่เหยียดตรงเท่านั้น วันข้างหน้าเขาจะเป็นเช่นไรไม่มีใครรู้ แล้วก็เทียบกันก็ได้ว่าระหว่างทหารพม่ากับนักการทูตพม่า ใครที่ทำเพื่อประเทศชาติ ที่ยืนเคียงข้างประชาชนอย่างอาจหาญแท้จริง วันนี้ผมขออนุญาตคารวะและสดุดีเหล่านักการทูตผู้กล้าทั่วโลกที่ทำงานแม้จนต้องสละชีพเพื่อชาติและประชาชนของตน และหวังใจว่านักการทูตของไทยบางคนจะเรียนรู้และตระหนักถึงหน้าที่และศักดิ์ศรีของตนเช่นกันด้วยครับ