เมื่อวันที่ 26 ก.พ.64 ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีผู้ตั้งคำถามในเฟซบุ๊กกลุ่ม เกาะข่าวแห่งหนึ่ง สงสัยในการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่า การโพสต์ ข้อความของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวินและนายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร มีหลายครั้งนับแต่เริ่มเข้าเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ ได้ทำการตรวจค้น ภายในเรือนจำและตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ไม่พบว่ามีการใช้เครื่องมือสื่อสารภายในเรือนจำ
จึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นการโพสต์ข้อมูลมาจากเครื่องมือสื่อสารภายนอก ซึ่งตอนนี้ได้แจ้งความร้องทุกข์ ไว้กับพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว เพื่อหาตัวบุคคลผู้เป็นคนโพสต์ข้อความดังกล่าว และนายพริษฐ์เคยยืนยันว่าได้เขียนข้อความให้กับเพื่อนภายนอกเป็นคนโพสต์ข้อความดังกล่าว
โดยขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลร่มเกล้าและ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กองบัญชาการสอบสวนกลางเรียบร้อยแล้ว
ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต กล่าวอีกว่า โดยเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการรับข้อมูลมาจากการเข้าพบผู้ต้องหาเพราะปัจจุบันอยู่ในช่วงระหว่างโควิด กรมราชทัณฑ์มีมาตรการไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าพบผู้ต้องขังในเรือนจำได้เว้นแต่ทนายความ จึงเข้าใจว่าทนายความน่า จะเป็นผู้รับข้อมูลมาจากผู้ต้องขังและมาโพสต์เองหรือให้บุคคลที่สามารถเข้ารหัสเฟซบุ๊ก ของนายพริษฐ์และอานนท์ได้ ที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายในเรือนจำมาแล้วหนึ่งครั้ง และได้รับการยืนยันจากนายนายพริษฐ์ว่าเป็นคนเขียนให้เพื่อนโพสต์มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยมีเอกสารเป็นลายมือรับสารภาพของนายพริษฐ์
เลขานุการ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องการตั้งคำถามถึงกรณีใบเสร็จ 626 บาท ที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ใช้ซื้ออาหารภายในเรือนจำ ใบเสร็จนี้เป็นเรื่องปกติของการใช้จ่ายภายในเรือนจำ ซึ่งมีการปรับจากเดิม 300 บาทให้ใช้ได้วันละ 600 บาท ตั้งแต่ปีใหม่ 2564 ในช่วงการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด เพราะมีการห้ามเยี่ยมญาติ และเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย มีการเปิดให้เยี่ยมญาติได้
จะปรับจำนวนเงินลงมาที่ 300 บาทตามเดิม และกรณีของนายพริษฐ์ เป็นการซื้อของให้ของพ่อแม่ ที่ซื้อให้ลูกในวันแรกที่เข้าเรือนจำ ซึ่งกรณีการเข้าเรือนจำวันแรกจะมีการผ่อนปรนให้ซื้อเกินวงเงินได้เล็กน้อย ซึ่งเรื่องนี้ นายสมศักดิ์ ได้เคยชี้แจงไปแล้ว ว่าผู้ต้องขังทุกคนได้สิทธิเหมือนกันหมด ไม่ได้เป็นการให้อภิสิทธิ์กับใครเป็นกรณีพิเศษ และปฏิบัติกับผู้ต้องขังทุกคนตามมาตรฐานเดียวกัน