แม้จะเป็นไปตามกฎหมาย ที่ศาลอาญา พิพากษา คดี กปปส. ที่ทำให้แกนนำคนสำคัญ โดนโทษจำคุก ทั้ง สุเทพ เทือกสุบรรณ 5 ปี และ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ต้องพ้นจากการเป็นรัฐมนตรีและ การเป็น ส.ส.
แต่ในหลายแง่มุม ก็เป็นคุณกับ พี่น้อง 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” และถูกมองว่า เป็น “สัญญาณ” อะไรหรือไม่ ท่ามกลางกระแสข่าว ทั้งการปรับ ครม. และการยุบสภา และการเลื่อนลำดับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ขึ้นมา เพราะมีแกนนำ กปปส.หลายคน ที่เป็น ส.ส. และต้องคำพิพากษา
โดยที่ส่งผลดีต่อ พี่น้อง 3 ป. ก็ทั้งการที่ ทยา ทีปสุวรรณ ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ทำให้ ไม่สามารถลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ได้ จึงไม่ต้องไปตัดคะแนน “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. ที่รู้กันดีว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้การสนับสนุน แม้จะออกตัวว่า จะไม่ส่งผู้สมัครในนามของพรรคพลังประชารัฐ ก็ตาม
และน่าจับตามองยิ่งว่า เมื่อ ทยา ไม่ได้ลงสมัครแล้ว พล.อ.ประวิตร จะตัดสินใจให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
ซึ่งสอดคล้องกับการที่มีการขึ้นภาพ พล.ต.อ. จักรทิพย์ บนอาคารที่ทำการเก่าของพรรคพลังประชารัฐก่อนหน้านี้ แม้ว่าพล.อ.ประวิตร จะออกตัวว่า ที่ทำการพรรคเดิมนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพรรคพลังประชารัฐแล้ว ก็ตาม
และ ทั้งการที่ พี่น้อง 3 ป. จะได้ปรับคณะรัฐมนตรี ใหม่ ในตำแหน่งที่กำลังมีปัญหา เช่น ตั้น ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่ได้คะแนนโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น้อยที่สุด
เพราะเกิดปัญหาความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่เคยตกเป็นข่าวว่า พล.อ.ประวิตร ไม่แฮปปี้ กับบทบาทของ ณัฏฐพล ต่อกรณีที่ ทยา ยืนกรานจะลงสมัคร ผู้ว่าฯกทม. และกดดันที่จะให้พรรค สนับสนุน ให้ลงสมัครในนามพรรคพปชร.
ไม่แค่นั้น ยังเกิดปัญหาคาใจ ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ กับ ณัฏฐพล หลังจากที่ ณัฏฐพล ได้คะแนนโหวตญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจน้อยที่สุด
เพราะรู้กันดีว่า ร.อ.ธรรมนัส ทำหน้าที่ในการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคเล็ก ในฐานะ “คนแจกกล้วย” แต่กลับปล่อยให้ ณัฏฐพล ได้คะแนนน้อยที่สุด ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส เองได้คะแนนมากกว่า นายกรัฐมนตรี และเท่ากับ พล.อ.ประวิตร เลยด้วยซ้ำ อีกทั้งก่อนหน้านี้ ก็มีข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส และกลุ่ม ส.ส.พปชร. จะไม่โหวตให้ณัฏฐพล มาแล้ว
จน พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค ต้องเรียกประชุมกำชับให้ ส.ส.โหวตไปในทิศทางเดียวกัน ให้กับรัฐมนตรี ทุกคนอย่างเท่ากัน แต่ที่สุด ณัฏฐพล ก็ได้คะแนนไว้วางใจต่ำที่สุด
เมื่อ ณัฏฐพล ตัองคำพิพากษา ทำให้ หลุดจาก รมว.ศึกษาธิการ. และนำมาซึ่งการปรับครม. ครั้งใหญ่เพราะ บี พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ก็พ้นจาก รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ ถาวร เสนเนียม พ้น รมช.คมนาคม เช่นกัน จึงเป็นที่จับตามองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะปรับครม. แบบไหน
แต่ในทางปฏิบัติแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องปรึกษาหารือ และฟังพล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรคและเป็นผู้จัดการรัฐบาล มาตั้งแต่ต้น
ที่จะมีการขยับเขย่ากันใหม่ รวมถึงการปรับเปลี่ยนแลกเก้าอี้และโควตาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกันใหม่ โดยเฉพาะเก้าอี้ที่เคยเป็นโควตาของ สุเทพ หริอ กลุ่ม กปปส. เพราะมีข่าวสะพัดว่า ส.ส.ที่ใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร ถูกจับตามองว่า จะได้เลื่อนชั้นขึ้น เป็นรัฐมนตรีว่าการโดยเฉพาะ ผู้กองธรรมนัส และ อ.แหม่ม นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน/ เหรัญญิกพรรคที่จะมาเสียบแทน
เพราะมีข่าวมาก่อนหน้านี้ ว่า นฤมล จะเป็น รมว.ศึกษาธิการ แทน ณัฏฐพล และ ผู้กองธรรมนัส เป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แทน พุทธิพงษ์ มาสานต่อการจัดการ ศึกโซเชียลฯ แทน แต่ในอีกด้านหนึ่ง สถานการณ์ที่เกิดขึ้น กำลังถูกมองว่าเป็นสัญญาณอะไรบางอย่างหรือไม่ สำหรับพี่น้อง 3 ป.
เพราะจากที่การเมืองสงบเรียบร้อย มาตลอด ในช่วงโควิด แม้จะมีม็อบราษฎร ชุมนุมเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่ได้ทำให้อุณหภูมิทางการเมืองเพิ่มขึ้นสูงมากนัก เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การโหวต กระแสการปรับคณะรัฐมนตรี ระคนด้วยความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐเอง อุณหภูมิทางการเมืองก็เริ่มสูงขึ้น
อีกทั้งยังมีปัญหาความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผลพวงของการอภิปราย เรื่อง “ตั๋วช้าง” ของฝ่ายค้านในการอภิปรายฯ ในสภา ก็ส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเร่งไปแก้ไขปัญหา ในวงการสีกากี
แล้ว มาสมทบกับผลการโหวตลงมติไม่ไว้วางใจ ที่กลุ่ม 6 ส.ส.ดาวฤกษ์ พปชร.โหวตงดออกเสียงให้ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว. คมนาคมและเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย จนเกิดปัญหาระหว่างพรรคขึ้น
จนทำให้ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรค ใช้คำว่า ศักดิ์ศรีและ ประกาศว่าพรรคภูมิใจไทยติดใจ คาใจ ต้องจัดการเรื่องนี้ นำมาซึ่งการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ของ พปชร. อุณหภูมิทางการเมืองก็ยิ่งร้อนมากขึ้น
จนที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ก็ต้องเร่งปรับคณะรัฐมนตรีที่คาดว่าจะทำให้การเมืองกระเพื่อมเพราะจะมีการเจรจา ต่อรองเก้าอี้ อีกครั้ง
งานนี้หากพล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล เจรจา ไม่ลงตัว และแก้ปัญหากับ พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ ก็อาจยิ่งวุ่น แม้ ดูว่า จะมีการปรับ ครม. แน่ๆ แต่ก็อย่าลืมว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจนำไปสู่ การยุบสภา ได้ เช่นกัน