ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังจากได้รับวัคซีนจากผู้ผลิตมาแล้ว ว่า ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังดำเนินการตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งจะใช้เวลาอีก 2-3 วันก่อนกระจายจัดส่งไปยังสถานพยาบาลต่างๆ ตามแผนงานของคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งมี นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน และได้มีการซักซ้อมความเข้าใจให้กับสถานพยาบาลทั่วประเทศแล้ว โดยวันที่ 1 มี.ค.64 จะเริ่มบริการฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงและพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ บุคลากรด่านหน้า, ผู้มีโรคประจำตัว, ผู้สูงอายุ
“ขอเชิญชวนประชาชนที่ต้องการฉีดวัคซีนให้เข้าไปลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่นไลน์ หรือ Line Official Account “หมอพร้อม” ระบบจะตรวจสอบสถานะให้ ถ้าไม่แน่ใจก็ให้ติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้านที่ไปใช้บริการเพื่อสอบถามข้อมูลได้” นพ.ธงชัย กล่าว
นพ.ธงชัย กล่าวว่า เนื่องจากคุณสมบัติวัคซีนของบริษัท ซิโนแวก และบริษัท แอสตราเซนเนก้า มีความแตกต่างกัน เช่น อายุของผู้ที่จะรับวัคซีน, ระยะห่างในการรับวัคซีนเข็มแรกกับเข็มที่สอง จึงกำหนดให้บริการฉีดวัคซีนของบริษัท ซิโนแวค สำหรับผู้ที่มีอายุ 18-59 ปี ในวันจันทร์-ศุกร์ และมีระยะห่างจากเข็มแรก 21 วัน ส่วนวัคซีนของบริษัท แอสตราเซนเนก้า ฉีดให้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์ และมีระยะห่างจากเข็มแรก 10-12 สัปดาห์
ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ในสัดส่วน 60% ของประชากรทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งหลังจากมีการฉีดวัคซีนไปแล้วไม่เกิดผลข้างเคียงรุนแรงจะกระจายการให้บริการลงไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ทั่วประเทศ
สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว ทางกรมควบคุมโรคจะออกเอกสารรับรองที่เรียกว่า วัคซีนพาสปอร์ต ซึ่งในอนาคตอาจนำมาใช้เป็นหลังฐานในการเดินทางเพื่อลดระยะเวลากักตัว แต่ขึ้นอยู่กับแนวทางของประเทศต่างๆ
ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพจาก Rajavithi Hospital Channel