“ศบค.” เผยไทยติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่ม 72 ราย เชื่อมโยง “ปทุมธานี” จ่อปลดล็อคสมุทรสาครจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวดเป็นพื้นที่ควบคุม “อนุทิน” โยนวัคซีนเข็มแรกขึ้นกับคณะกรรมการกำหนดจะฉีดใคร ย้ำเริ่มฉีด 1 มี.ค.นี้ พร้อมกันใน 13 เขตพื้นที่ ลั่นหากมีเรียกเก็บค่าใช้จ่ายให้ดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ก.พ.64 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงว่า วันนี้ไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 72 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 63 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 43 ราย จากการค้นหาเชิงรุก 20 ราย เป็นผู้ป่วยเดินทางจากต่างประเทศ 9 ราย รวมยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 25,764 ราย หายป่วยแล้ว 24,734 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 947 ราย โดยมีผู้ป่วยหนัก 22 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมมี 83 ราย “จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่ พบว่าหลายรายมีความเกี่ยวข้องกับการระบาดในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งในพื้นที่มีตลาดใหญ่ๆ และสำคัญหลายแห่ง โดยจากการตรวจค้นหาเชิงรุกในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี 19,316 คน พบติดเชื้อ 498 คน สะท้อนว่า แม้สถานการณ์จะควบคุมได้ แต่ลักษณะการกระจายของเชื้อ เกิดจากผู้ค้าและแรงงานในตลาดต่างๆ มีการเดินทางหลายจังหวัด เช่น ไปส่งของ ทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังจังหวัดอื่นๆ ถึง 9 จังหวัด จึงต้องย้ำเรื่องของการสวมหน้ากากอนามัยและรักษาสุขอนามัยส่วนตัวอย่างเคร่งครัด” พญ.อภิสมัย กล่าวว่า วันนี้ ศบค.ชุดเล็กได้ประชุมผ่านทางวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับคณะกรรมการควบคุมโรค จ.สมุทรสาคร เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปลดล็อค จ.สมุทรสาคร จากพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด มาเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด เพื่อให้หลายภาคส่วนสามารถดำเนินกิจกรรม และกิจการต่างๆ ได้ คาดว่าจะประกาศในวันที่ 1 มี.ค.64 แต่ต้องรอการประชุมรายละเอียดของ ศบค.อีกครั้ง นอกจากนี้ยังเสนอแผนการกระจายวัคซีนที่ได้รับเป็นล็อตแรก พร้อมกับอีก 12 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยง โดยหลักการจะกระจายวัคซีนไปให้บุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย เช่น เจ้าหน้าที่ในสถานกักกัน หรือสนามบิน จากนั้นจะกระจายไปยังผู้มีโรคประจำตัว รวมทั้งจะมีการตรวจค้นหาแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกันในกลุ่มคนที่อยู่ในบับเบิ้ลด้วย ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า จากที่มีข่าวนายกฯและตัวเองจะฉีดวัคซีน ในวันที่ 27 ก.พ.หรือวันที่ 28 ก.พ.นี้ ว่า ตามที่เคยประกาศไว้ เรื่องนี้ ได้ให้นพ.โสภณ เมฆธน ประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการวัคซีนกำหนดวันเพื่อป้องกันคำครหา ซึ่งแม้ว่าผู้นำโลกจะฉีดวัคซีนกันแล้ว โดยจะมีคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นผู้ตัดสินใจ นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีสื่อต่างชาติระบุตลาดนัดจตุจักรเป็นต้นตอแพร่โควิดว่า เชื้อโควิดได้ระบาดไปทั่วโลกแล้วจึงไม่มีประโยชน์ที่จะหาต้นตอการแพร่ระบาด ทางเดียวคือควรควบคุมโรคให้หมดไป ทั้งนี้การฉีดวัคซีนระดับเขต ให้เป็นอำนาจคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยเริ่มฉีด 1 มี.ค.นี้ พร้อมกันใน 13 พื้นที่ โดยเน้นย้ำสาธารณสุขจังหวัดต่างๆ ในเรื่องความปลอดภัยและความโปร่งใสของวัคซีน หากมีการแอบอ้างเรียกเก็บค่าฉีดวัคซีน ให้ดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที เพราะฉีดฟรีให้กับประชาชน