“อดีตผอ.สำนักธุรกิจอคส.”ร้องฝ่ายค้านถูกเด้ง-ตั้งกก.สอบส่งข้อมูลให้ฝ่ายค้าน ด้าน “เลขาพท.” ยัน ไม่เคยได้รับเอกสาร เชื่อโดนกลั่นแกล้ง จี้“นายกฯ”ปรับ “จุรินทร์” พ้นครม. เมื่อเวลา 14.35 น. ที่รัฐสภา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตนได้รับเรื่องขอความเป็นธรรมจาก นายสุทธินันท์ จิยะอมรเดช อดีตผู้อำนวยการสำนักธุรกิจ องค์กรคลังสินค้า(อคส.) ปัจจุบันโดนนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผอ.อคส. สั่งย้ายไปเป็นนักบริหาร 9 และโดนตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง 2 ข้อหา คือ นำเอกสารราชการของอคส.ออกไปภายนอก เพื่อนำไปประกอบการแจ้งความและยื่นหนังสือต่อหน่วยงานภายนอก โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ผอ.อคส. อีกทั้งนำข้อความสนทนากับผอ.อคส. ทางแอพพลิเคชั่นไลน์ไปเผยแพร่จนไปปรากฎเป็นข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2564 ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่รู้จักนายสุทธินันท์แต่อย่างใด และไม่เคยได้รับข้อมูลหรือเอกสารไม่ว่าจะเป็นคลิปที่ใช้อภิปราย และเอกสารข้อมูลอื่นๆ ทราบแต่เพียงว่านายสุทธินันท์ได้เคยมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจและกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สภาผู้แทนราษฎร และที่สำนักงานป.ป.ง. “การที่นายสุทธินันท์ถูกตั้งกรรมการสอบ ผมมีข้อสังเกตอยู่ว่าเพราะเหตุใดนายสุทธินันท์ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการสำนักธุรกิจไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อตำรวจ ซึ่งถือว่าการดำเนินการในครั้งนั้นเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของอคส. และเป็นการแสดงออกถึงความบริสุทธิ์ใจที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าว ทำไมนายเกรียงศักดิ์ต้องยับยั้งด้วย ทั้งที่นายสุทธินันท์ได้แสดงออกถึงการปกป้องอคส.” นายประเสริฐ กล่าว เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า เชื่อว่านายสุทธินันท์ไม่ได้รับความเป็นธรรมและถูกกลั่นแกล้ง ดังนั้น การที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ และนายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานคณะกรรมการอคส. ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน อาจทำให้กระทบกับพยานและหลักฐานไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดูได้จากกรณีนายสุทธินันท์โดนย้ายและถูกตั้งกรรมการสอบ หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังปกป้องบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดครั้งนี้โดยยังปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งอีก ตนคงต้องดำเนินการต่อไปในส่วนที่เกี่ยวข้อง ด้านนายสุทธินันท์ กล่าวว่า สาเหตุที่ออกมาแจ้งความกล่าวโทษกับกองปราบ เนื่องจากการทุจริตถุงมือยาง ตนเองก็เป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการ ซึ่งการแจ้งความกล่าวโทษครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ อีกทั้งเห็นว่าการดำเนินการมีความล่าช้าและไม่ชัดเจน ตนพยายามทวงถามจากฝ่ายบริหารแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบว่าเงินเหลือเท่าไหร่ และไปที่ไหนบ้าง อีกทั้งเห็นว่าการจะให้ผอ.อคส.ร้องทุกข์กล่าวโทษอาจมีความลำบากใจ เพราะเป็นการกล่าวโทษผู้บังคับบัญชาตนเอง