ต่อมาเวลา 15.35;น.ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ได้เข้าสู่วาระการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมแห่งราชอาณาจักรไทย วาระ 2 ตามที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชารัฐ ในฐานะประธานกมธ. ชี้แจงหลัก การร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอาทิ การรับหลักการและลงมติให้ความเห็นชอบวาระ3 ต้องใช้เสียงสนับสนุน 2ใน3ของสมาชิกรัฐสภา การให้ส.ส.ร.200 คน มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เมื่อส.ส.ยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้ส่งร่างแก้ไขต่อรัฐสภา เพื่ออภิปรายแสดงความคิดเห็น ภายใน 30วัน โดยไม่มีการลงมติ และให้ส่งร่างให้กกต.ภายใน 7วัน เพื่อทำประชามติ จากนั้นเปิดโอกาสให้กมธ.เสียงข้างน้อยและสมาชิกอภิปรายแสดงความเห็น เริ่มต้นที่มาตรา3 เรื่องการเสนอให้แก้ไขมาตรา256 วิธีแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งส.ส.ฝ่ายค้านหลายคนคัดค้านความเห็นของกมธ.เสียงข้างมากที่ระบุให้วาระรับหลักการและการลงมติวาระ3 การแก้รัฐธรรมนูญต้องใช้เสียง 2ใน3ของรัฐสภา เนื่องจากเป็นจำนวนมากเกินไป ทำให้โอกาสแก้รัฐธรรมนูญเป็นไปได้ยาก โดยเสนอให้แก้ไขใช้เสียงสมาชิกรัฐสภาเพียงแค่กึ่งหนึ่ง นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.อภิปรายว่า จำนวนเสียงการแก้รัฐธรรมนูญวาระ1และ3 ที่ใช้เสียง 3ใน 5 ตามร่างที่พรรคร่วมรัฐบาลเหมาะสมอยู่แล้ว หากใช้เสียง 2ใน3 ตามที่กมธ.แก้ไขคิดว่าไม่เหมาะสม เพราะถ้าส.ว.ไม่เห็นด้วยจะไม่มีทางแก้รัฐธรรมนูญได้เลย เสียงของส.ส.ขณะนี้มี 487 คน ถ้าต้องใช้เสียง 2ใน3ของรัฐสภา หรือ492 คน ต่อให้ประธาน สภาฯลงมติ้ด้วย ก็ยังไม่เพียงพอที่จะแก้รัฐธรรมนูญวาระ1และ3ได้ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ตัวเลข 2ใน3 ในการแก้รัฐธรรมนูญถือว่าสูงเกินไป ที่ผ่านมามีรัฐธรรมนูญ 8ฉบับ ให้ใช้เสียงแก้ไขรัฐธรรมนูญแค่กึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา การอ้างว่า การแก้รัฐธรรมนูญควรทำได้ยากนั้น จะต้องไม่ยากเกินไปให้เกิดทางตันหรือวิกฤติทางรัฐธรรมนูญได้ ถ้าจะเกินกึ่งเล็กน้อยถือว่า พอรับได้ แต่ถ้าใช้เสียง 2ใน3 ไม่ควรเห็นด้วยเป็นอันขาด ขณะนี้มีส.ส.เกือบ 500คน ยังแก้ไม่ได้เลย หากส.ว.ไม่ยินยอม ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า ประชาธิปไตยแก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ อยากให้กลับไปใช้เสียง3ใน5เหมือนเดิม ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การใช้เสียง 2ใน3 เขียนมาเพื่อให้แก้ไม่ได้ ถ้าบังคับใช้แบบนี้ ทายได้เลย รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ไม่ได้ จะแก้ได้ทางเดียวคือ รัฐประหาร ซึ่งจะต้องเกิดวิกฤติความขัดแย้งหนักจริงๆก่อน อาจมีการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความขัดแย้ง เพื่อยึดอำนาจ เหตุผลที่ระบุใช้เสียง 2ใน3 โดยอ้างรัฐธรรม นูญควรแก้ไขยากนั้น ควรปรับความคิดใหม่ ถ้าแก้ง่ายแล้วไม่บูดเบี้ยวก็ขอให้แก้ไป แต่ถ้าแก้ได้ยากดูแล้วน่าห่วงกว่า วิกฤติรัฐธรรมนูญคือ การเขียนรัฐธรรมนูญไม่เข้าท่า เกิดเหตุกล้วยจุกปาก คนที่เสนอให้ใช้เสียง2ใน3 คือคนที่เสนอให้ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจรัฐสภาในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รัฐบาลอยากให้แก้รายมาตรา สังหรณ์ใจว่าที่สิ่งที่กำลังคิดแก้ไขกันอยู่ จะไม่ได้ใช้ จะล้มก่อนถึงวาระ3 ถ้าจะให้ใช้เสียง 3ใน5ก็ได้ขอให้มาคุยกัน แต่ถ้าใช้เสียง 2ใน3 วิกฤติข้างหน้ารออยู่