SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร โชว์ผลการดำเนินงานปี 2563 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีรายได้รวม 3,635.3 ล้านบาท เติบโต 3.3% และกำไรสุทธิ 641.4 ล้านบาท เติบโต 3.7% โดยที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 42.9% ซึ่งในไตรมาส 4/2563 นับเป็นไตรมาสที่มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ฟากบอร์ดไฟเขียวอนุมัติจ่ายปันผลครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นและเงินสด โดยแบ่งเป็นการจ่ายจากหุ้นปันผลในอัตรา 15 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายหุ้นปันผลในอัตราหุ้นละ 0.067 บาท และจ่ายจากเงินสด ในอัตรา 0.195 บาทต่อหุ้น เตรียมพร้อมก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แบบครบวงจรระดับประเทศ ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้แตะระดับ 5,000 ล้านบาท ในปี 64
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการงวดปี 2563 (สิ้นสุดธันวาคม 2563) บริษัทมียอดรับรู้รายได้ 3,635.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 3,520.5 ล้านบาท ถือว่าเป็นผลการดำเนินงานที่เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท หลังจากรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการต่างๆ มากขึ้นในช่วงท้ายปี อาทิ โครงการ Wyndham Residence, Ramada Plaza Residence, Wyndham Garden Residence ฯลฯ ถือเป็นการเติบโตที่น่าพอใจภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ
อย่างไรก็ตามบริษัทมีรายได้จากการให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้น หลังจากเปิดให้บริการแบบเต็มรูปแบบ ในธุรกิจโรงแรม Q-Box Hotel Bangkok Blossom บริเวณถนนรามอินทรา ในไตรมาส 2/2562 ที่ผ่านมา ประกอบกับ เริ่มรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดบางส่วน ที่นำมาพัฒนาเป็นเซอร์วิสเรสซิเด้นซ์และพื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์ ล่าสุดได้เริ่มขยายเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมชั้นนำ ภายใต้โมเดล Branded Residence ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างไซมิส แอสเสท กับแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลก เพื่อยกระดับการอยู่อาศัยให้กับเจ้าของห้องชุด ให้ได้รับการบริการระดับโรงแรมชั้นนำระดับโลก
สำหรับกำไรสุทธิในปี 2563 บริษัทฯ ทำได้ 641.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ทำได้ 618.3 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 17.6% ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทฯ มีการบริหารจัดการและควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารและควบคุมต้นทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานประจำปี 2563 โดยแบ่งเป็นการจ่ายจากหุ้นปันผลในอัตรา 15 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายหุ้นปันผลในอัตราหุ้นละ 0.067 บาท และจ่ายจากเงินสด ในอัตรา 0.195 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตาม สิทธิในการรับปันผลดังกล่าว ยังมีความไม่แน่นอน จนกว่าจะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ทั้งนี้วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล วันที่ 16 เมษายน 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 เมษายนนี้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวอีกว่า เพื่อก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรระดับประเทศ SA พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกๆปี โดยแผนการดำเนินงานในปี 2564 ตั้งเป้ารับรู้รายได้แตะระดับ 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 7,300 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 31 มกราคม 64) บริษัทฯ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและขาย รวมไม่น้อยกว่า 11 โครงการซึ่งโครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพทั้ง CBD และ New CBD อาทิ โครงการ SIAMESE RAMA 9 (Mixed-Use),โครงการ Wyndham Residence,โครงการ Ramada Plaza Residence, โครงการ Wyndham Garden Residence และโครงการ Ramada Residence เป็นต้น