หญิงวัย 52 ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ฐานะยากจนต้องตระเวนรับจ้างเลี้ยงปากท้อง ตั้งแต่อายุ 17 กระทั่งปี 52 จะย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านสามีกลับพบถูกสวมบัตร เดินเรื่องนาน 12 ปี ไม่คืบหน้า จนท.บอกให้รอ เดือดร้อนไร้สิทธิรักษาขาดโอกาสรับเงินเยียวยาจากรัฐทุกโครงการ น้ำตาตกถูกล้อเลียนเป็นคนเถื่อน ตัดพ้อน้อยใจคนต่างด้าวยังมีบัตรเป็นคนไทยแท้ๆ แต่ทำไมช่วยไม่ได้ วันนี้ (24 ก.พ.64) นางลำใย ธรรมดา อายุ 52 ปี ชาวบ้าน ต.แสลงพัน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ อาชีพรับจ้างทั่วไปทั้งตัดอ้อย ถอนมัน ทำความสะอาดบ้าน ได้นำบัตรประจำตัวประชาชนใบเดิมที่เคยทำ เมื่อปี2545 พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานยืนยันตัวตนว่าเป็นคนไทย ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากถูกลักลอบสวมบัตรประจำตัวประชาชน ทำให้ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลตามโครงการ 30บาท รักษาทุกโรค ซ้ำยังขาดโอกาสไม่ได้รับการช่วยเหลือจากโครงการของรัฐทุกโครงการ ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนรวมถึงเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดระบาด ทั้งยังถูกชาวบ้านหรือคนที่รู้จักสบประมาทล้อเลียนหาว่าเป็นคนเถื่อน คนต่างด้าว ทั้งที่ตนเองเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ และปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกิดจากการกระทำของตนเอง กลับต้องมาเดือดร้อน โดย น.ส.ลำใย เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวตัวเองมีฐานะยากจนพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ตนอายุได้ 7 ขวบ พออายุ 17 ปี ก็ระเหเร่ร่อนไปหาทำงานรับจ้าง ทั้งตัดอ้อย ถอนมันสำปะหลัง และรับจ้างทำความสะอาดบ้าน ทั้งที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่างๆ ตามที่มีคนจ้างไปไม่ค่อยได้กลับบ้าน จนกระทั่งปี 2552 จะย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านของสามีที่ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ก็ไปทำเรื่องย้ายที่ที่ว่าการอำเภอเสิงสาง จ.นครราชสีมา แต่เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าไม่สามารถย้ายได้ เพราะในระบบพบว่ามีชื่อ นามสกุล และเลข 13 หลักตรงกัน 2 คน น่าจะมีการสวมสิทธิบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ตนไปติดต่อที่ที่ว่าการอำเภอลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นที่ที่ตนเองทำบัตรประชาชนตอนแรก จากนั้นก็มาติดต่อที่ที่ว่าการอำเภอลำปลายมาศตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ โดยปลัดอำเภอซึ่งปฏิบัติหน้าที่ขณะนั้นก็แจ้งกับตนเองว่าไม่ต้องไปแจ้งความ เดี๋ยวทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการให้เอง แต่ก็เห็นเงียบหายไป ปี 2554 จึงตัดสินใจไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ลำปลายมาศ และมาติดต่อที่ที่ว่าการอำเภอลำปลายมาศอีกครั้ง โดยได้พาผู้ใหญ่บ้านมารับรองให้ด้วยว่าตนเองเกิดที่นี่โตที่นี่ เป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่ากรณีการสวมบัตรประชาชนต้องไปพูดคุยกับที่ศาล และบอกให้รอเจ้าหน้าที่จะติดต่อไปเอง ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่รอเจ้าหน้าที่ติดต่อจนเวลาผ่านมาถึง 12 ปี ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร กระทั่งมาทราบว่า คนที่สวมบัตรของตนเอง ได้ย้ายชื่อไปที่ จ.ชัยนาท แล้ว ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงได้นำรถจักรยานยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์ 17,000 บาท เพื่อเป็นค่าจ้างรถเดินทางมาติดทำเรื่อง ทั้งต้องหยุดงานขาดรายได้เพื่อนำเอกสารหลักฐานมาร้องขอความช่วยเหลือ อยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น และเร่งทำบัตรประชาชนให้ตนเองคืนด้วย เพราะตอนนี้เดือดร้อนมากจะไปไหนมาไหนก็ไม่ได้เขาหาว่าเป็นคนเถื่อน คนต่างด้าว ทั้งไม่สามารถใช้สิทธิ์รักษาฟรีได้ ที่สำคัญต้องขาดโอกาสรับการช่วยเหลือเยียวยาจากโครงการต่างๆ ของรัฐ ทั้งที่ความผิดไม่ได้เกิดจากตนเอง น.ส.ลำใย ยังตัดพ้อด้วยว่า รู้สึกน้อยใจ ว่าทำไมตนเองเป็นคนไทยแท้ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ถูกลักลอบสวมบัตรประชาชน แต่ทำไมถึงไม่ได้รับการช่วยเหลือ แต่ทำไมต่างด้าวเขาไม่ใช่คนไทยแต่ยังมีบัตรและได้รับการช่วยเหลือเลย