นายวีระพงค์ ลือสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PRAPAT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 830.93 ล้านบาท ลดลง 172.91 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 17.22% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,003.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 13.88 ล้านบาท ลดลง 37.72 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 73.10% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาทของไวรัสโควิด -19 (COVID -19) ที่ยังคงส่งผลกระทบในวงกว้างและยังส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทและบริษัทย่อยลดลง ทั้งนี้รายได้ในปี 2563 ยังคงมีรายได้หลักมาจากจากการขาย อยู่ที่ 667.74 ล้านบาท โดยคิดเป็น 80.36% ของรายได้รวม ซึ่งลดลง 150.32 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 18.38% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีรายได้จากการค่าเช่าและบริการ อยู่ที่ 157.67 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 18.98% ของรายได้รวม และลดลง 20.70 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 11.61% เมื่อเทียบกับปีก่อน รวมถึงมีรายได้อื่นอีก 5.52 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.66% ของรายได้รวม ลดลง 1.88 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 25.41% เมื่อเทียบกับปีก่อน บริษัทมีรายได้จากการขายลดลงเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 (COVID -19) ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวในไทยลดลง ซึ่งส่งผลกระทบให้ธุรกิจโรงแรมลดการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อทำความสะอาดด้านซักรีด ทำให้ยอดขายลดลง 74.09 ล้านบาท ประกอบกับมาตรการปิดเมือง (ล็อกดาวน์) จากภาครัฐในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ทำให้รายได้ผลิตภัณฑ์กลุ่มครัวลดลง 29.44 ล้านบาท และลูกค้าในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งชะลอการลงทุน จึงทำให้รายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์สระว่ายน้ำลดลง 45.31 ล้านบาท อย่างไรก็ดี แม้บริษัทจะมีรายได้ลดลงจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด -19 แต่บริษัทยังมีรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อเพิ่มสูงขึ้น เท่ากับ 217.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.28 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 10.28% เมื่อเทียบกับยอดขายของปีก่อน รวมถึงรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์แม่บ้านและทำความสะอาดพื้น ซึ่งเป็นสินค้าประเภทเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ที่มีความต้องการในตลาดสูง จึงทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 3.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 5.06% เมื่อเทียบกับยอดขายของปีก่อน "แผนการดำเนินงานในปี 64 บริษัทตั้งเป้าจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 900 ล้านบาท จากการเพิ่มศูนย์บริการเพื่อจัดแสดงสินค้า และเพิ่มช่องทางการจำหน่าย โดยบริษัทมีการจัดทำโครงการ One Ton Laundry ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทให้บริการซักรีดแบบครบวงจร โดยบริษัทจะจัดหาอุปกรณ์ซักรีดและผลิตภัณฑ์ด้านซักรีดให้บริการแก่กลุ่มคู่ค้าภาคธุรกิจด้านโรงแรมและรีสอร์ท รวมถึงบริษัทได้มีการเปิดโครงการ Smart Kitchen Experience ณ ตำบลวังมะนาว จ.ราชบุรี ซึ่งเปิดโครงการเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา โดยเป็นโชว์รูมซึ่งมีเครื่องครัวที่ใหญ่ที่สุดจากยุโรป พร้อมออกแบบระบบครัวอย่างครบวงจรเพื่อตอบโจทย์แก่ผู้ประกอบการ นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติม ขนาด 5,800 ตารางเมตร เพื่อเป็นคลังขนถ่ายสินค้า โดยหวังที่จะรักษาฐานลูกค้าเดิมและสร้างฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แม้ว่าธุรกิจบางส่วนจะยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าโรงแรมและกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่คาดว่าในปี 2564 จะฟื้นตัวได้ดีขึ้น"