พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) กล่าวถึงการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า ขอกราบเรียนอีกครั้งวัคซีนไม่ใช่ของนายกฯ แต่เป็นของประชาชนทั้งประเทศ เป็นการอนุมัติในครม.ร่วมกันในการจัดหาวัคซีน ซึ่งวันนี้ก็ได้มา 2 บริษัท และอีกหลายวัคซีนกำลังตามมา เพราะจำเป็นต้องนำมาขึ้นทะเบียนคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อน เมื่อมีอย.ก็จะมีการฉีดเพิ่มเติมจากภาคเอกชนที่นำเข้ามา ซึ่งก็ว่ากันไป รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นตรงนี้ แต่ขอระยะแรกผ่านไปก่อน และทุกคนจะสามารถเสนอเข้าไปขอรับรองจาก อย.ได้ ก็จะมีฉีดเพิ่มเติม มันดีเสียอีกเพราะจะมีวัคซีนมากกว่า 65 ล้านโดส ที่เราเตรียมการไว้ปัจจุบัน หลายบริษัทได้เสนอมาแล้ว แต่ยังส่งเอกสารมาไม่ครบ ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนบริษัทไหนได้มีการติดตามความคืบหน้าการใช้วัคซีนในต่างประเทศ ซึ่งตนคิดว่าวัคซีนจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การท่องเที่ยวและการประกอบธุรกิจดีขึ้น เมื่อมีการฉีดวัคซีน ถ้าฉีดแล้วมีใบรับรอง พอเข้ามาประเทศก็อาจจะไม่ต้องกักตัว แต่จะต้องมีการติดตามว่าไปที่ไหน อย่างไรบ้าง ซึ่งรัฐบาลคิดอย่างรอบคอบ
เมื่อถามว่า นายกฯ ได้รับคำตอบจากคณะแพทย์แล้วหรือยัง ว่าจะสามารถฉีดวัคซีนในล็อตแรกอย่างที่ตั้งใจและจะมีรัฐมนตรีคนอื่นร่วมฉีดด้วยหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า คำถามแบบนี้เป็นกระพี้ จะฉีดคนแรกหรือเปล่า คนที่สองหรือคนที่สาม ฉีดอะไร ถามมากระพี้ทั้งนั้น คำถามแบบนี้ตนว่าเป็นกระพี้ สิ่งที่เราน่าจะยินดีร่วมกันคือเรามีวัคซีนเข้ามาฉีดแล้ว การจะฉีดให้ใครเป็นเรื่องของคณะกรรมการจะพิจารณา และอยู่ที่ความสมัครใจของใครที่จะเป็นผู้ฉีดเท่านั้นเอง ประชาชนทุกคนก็มีส่วนร่วม และเขาก็เปิดช่องทางให้แล้ว ใครที่สมัครใจประสงค์จะฉีดก็ส่งรายชื่อมาที่กระทรวงสาธารณสุข เท่าที่ทราบประชาชนส่วนหนึ่งก็อยากจะฉีด เพราะไว้ใจ อีกส่วนก็ลังเล อีกส่วนไม่ฉีดขอรอดูสถานการณ์ไปก่อน ก็เป็นเรื่องความสมัครใจ แต่ส่ิงสำคัญสุดคือรัฐบาลต้องเตรียมให้พร้อมสำหรับคนทั้งประเทศ โดยทยอยรับมา ทยอยจัดหาอย่างอื่นมา ทั้งภาครัฐ และเอกชนต่อไปด้วย ตนไม่ได้ปิดกั้นใคร ซึ่งระยะแรกต้องฟังข้อสังเกตและข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ถึงความปลอดภัยและหลักการในการขึ้นทะเบียนต่างๆก็ขอฝากภาคเอกชน ใครที่จะนำเข้าให้ไปขออนุมัติให้ถูกต้อง ตามระเบียบต่างๆ