จากกรณีคนร้ายก่อเหตุฆ่าปาดคอ นายวิชาญ มะลิทอง หรือแดง อายุ 46 ปี ครูมวยย่านพระราม 2 เจ้าของฉายา “วิชาญน้อย ศิษย์เจ๊พเยาว์” เสียชีวิตข้างรถยนต์คู่ใจ ภายในซอยอ่อนนุช 70/1 แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22ก.พ.ที่ผ่านมา โดยก่อนเกิดเหตุได้บอกญาติว่า จะมาทำธุระที่กรุงเทพ หลังกลับไปอยู่ที่บ้านพัก ในจ.สุพรรณบุรี ก่อนจะพบว่าเสียชีวิต นอกจากนี้ผู้ตายยังมีกำหนดการที่จะเข้าอุปสมบทในวันที่ 20 มี.ค.นี้อีกด้วย ล่าสุด หลังการประชุมสอบสวนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ พร้อมเชิญตัวน.ส.พลอยไพลิน คุณานุกรกุล อายุ 32 ปี หญิงสาวคนสนิทมาเค้นสอบปากคำนานกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนยอมรับสารภาพหมดเปลือกว่า เป็นผู้ลงมือฆ่าครูมวยทาง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงขออนุมัติศาลอาญาพระโขนง ออกหมายจับในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ พกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้านหรือ ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนปมสังหาร ในเบื้องต้นคาดว่ามาจากเรื่องชู้สาว ที่ผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิตมีการนัดหมายไปเจรจากันก่อนเกิดเหตุ พ.ต.อ.สุรพงษ์ พุฒขาว ผกก.สน.ประเวศ ระบุว่า จากนี้จะทำการสืบสวนว่า มีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องในการก่อเหตุร่วมกันฆ่าครูมวยรายนี้อีกหรือไม่ หากพบก็จะทำการออกหมายจับต่อไป ส่วนอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า เป็นของบุคคลใด และผู้ต้องหานำมาจากไหน ส่วนจะคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้ต้องหา ขณะที่ พ.ต.ท.ชรินทร์ อิ่มเอม รอง ผกก.สน.ประเวศ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำเพิ่มเติม นางสาวพลอยไพลิน คุณานุกรกุล อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาเนื่องจากยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องสอบสวน จากการสอบปากคำ ทราบว่า สาเหตุที่ลงมือก่อเหตุ เพราะต้องการป้องกันตัวเอง จากการกระทำบางอย่างของผู้เสียชีวิต ซึ่งรายละเอียดบางอย่างยังเปิดเผยไม่ได้ การจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ นับว่าเป็นการจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุได้ไม่กี่ชั่วโมง จากการเค้นสอบปากคำ ผู้ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ คำให้การของ นางสาวพลอยไพลิน ผู้ต้องหา โดยมีการพุ่งเป้าไปที่ “แฟนหนุ่ม” ของผู้ต้องหา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาทะเลาะกับ “ผู้ตาย” มาแล้ว2ครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเรียกแฟนหนุ่มของผู้ก่อเหตุมาสอบค้นหาความจริงอีกครั้ง เพื่อคลายปมข้อสงสัยการมีเอี่ยวร่วมมือก่อเหตุหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าว ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ที่น่าจับตามอง ว่าสาเหตุที่แท้จริง ก่อนที่ “ผู้ต้องหา” จะลงมือก่อเหตุมาจากเรื่อง “ชู้สาว” หรือปมประเด็นอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากอะไร ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะหาหลักฐานมาเปิดเผยความจริงไม่ได้ เพราะสมัยนี้ “ตำรวจไทย” เก่งไม่แพ้ตำรวจนอก